Translate

Cherubism



cherubism - เชรูบริซึ่ม
โรคทางพันธุกรรมสุดหายาก ลักษณะอาการคือ ผู้ป่วยจะมีใบหน้าที่บวม โดยเฉพาะส่วนกราม
ที่จะบวมใหญ่หนักสุดอาหารอาจรุนแรงถุึงขั้นตาบอด

ส่วนชื่อที่ใช้เรียกโรคประหลาดนี้ก็ได้มาจาก เทพเจ้าโรมันยุคโบราณ

ชิ่อเรียกถาษาไทยของโรคนี้คิอ โรคทางพันธุกรรม เป็นกรรมพันธุ์ ที่เกิดขึ้นน้อยมาก จากทั่วโลก
มีการบันทึกว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคนี้อยู่เพียงแค่ 200 รายเท่านั้น
ลักษณะทางจุลพยาธิวิทยาคล้ายกับ giant cell lesion ทั่วไป คือมี multinucleated giant cells อยู่ในstroma แต่ลักษณะ stroma ของ cherubism ต่างจากรอยโรคอื่นตรงที่มีลักษณะการเรียงตัวของ collagen fiber อย่างหลวม ๆ และมี perivasscular eosinophilic cuffing


Giant cell lesion of the jaw
Giant cell lesion บริเวณขากรรไกรมีหลายชนิด สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ giant cell lesion ไม่ได้เป็น tumor แต่เป็น reparative(ซ่อมแซม) lesion พูดง่ายๆคือ reactive lesion ชนิดหนึ่ง


Giant cell lesion of the jaw จำง่ายๆได้ดังนี้
ABCCG

A = Aneurysmal bone cyst
B = Brown tumor (Hyperparathyroidism)
C = Central giant cell granuloma (CGCG)
C = Cherubism
G = Giant cell tumor of the long bone

A = Aneurysmal bone cyst
- เป็น pseudocyst
- เชื่อว่าเกิดจาก vascular malformation ในกระดูก หรือว่า trauma เกิดเลือดออกในกระดูก
- x-ray พบ multilocular radiolucency
- Histo-patho แน่นอนต้องพบ Multinucleated giant cell และไม่พบ epithelium เนื่องจากเป็น pseudocyst
- รักษาโดยการ curette

B = Brown tumor (Hyperparathyroidism)
- เป็น systemic response ของร่างกายต่อภาวะ hyperparathyroid hormone
- มี Calcium และ Phosphate ในเลือดเยอะ ย่อมแสดงว่าร่างกายมีการสลายกระดูกมาก
- ไม่ค่อบพบ lesion ในขากรรไกร แต่ถ้าพบก็จะพบเป็น multiple radiolucent lesion (เพราะเป็น systemic)
- อาจมีภาวะ renal caliculi (นิ่วนั้นเอง จาก calcium สะสม)
- ตรวจเลือดจะพบ calcitonin ต่ำ parathyroid hormone สูง และ calcium ในเลือดสูง
- การรักษาส่งหมอ med (beyond surgery scope แล้ว)

C = Central giant cell granuloma (CGCG)
- ไม่ใช่ tumor เป็น reactive lesion
- rare lesion
- มักพบในคนไข้ที่อายุน้อยกว่า 20 ปี
- มีสองแบบ aggressive กับ non-aggressive แยกง่ายๆคือ ปวดกับไม่ปวด
- ตำแหน่งทีเกิดมักเป็น premolar-premolar ของ mandible
- Histo-Patho ก็แน่นอน giant cell
- unilocular หรือ multilocular ก็ได้แต่มักจะไม่มี sclerotic border (คล้ายกับพวก hematogenous lesion)
- การรักษาโดยการ curette ส่วนวิธีอื่นๆเช่น ฉีด steriod , scleorsing therapy, chemo ถ้าสนใจลองไปหาอ่านเพิ่มเติมเอง

**Peripheral giant cell granuloma**
- มีหลายคนไม่เชื่อว่าเป็น counter part ของ CGCG แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อเพราะจำง่ายดี
- เป็น reactive soft tissue lesion
- อายุที่เกิดจะมากกว่า CGCG คือ 31-40 ปี
- แยกจาก Pyogenic, peripheral ossifying fibroma, irritating fibroma ที่ consistency น่าจะนิ่มกว่าและมีสีออก bluish-red (คิดถึง granuloma เข้าไว้)

Cherubism
- เป็น congenital
- Autosomal dominant
- Bilateral cheek swelling
- ตามองขึ้นสวรรค์ Eyes raise to heaven (เพราะแก้มบวมดึงหนังตาล่างลง)
- พบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ
- Diag ได้อยู่แล้ว
- จะค่อยๆ regress หลังจากโต

Giant cell tumor of the long bone
- ชื่อก็บอกแล้วว่า long bone เพราะงั้นไม่พบใน jaw หรอก
- มีคนเชื่อว่าเป็น true tumor แต่ผมเชื่อว่าเป็น reactive เพราะจะได้จำเป็นเรื่องเดียวกันไป
- recurrence rate สูง





ฉันจะสนับสนุนสตรีมุสลิมทั่วโลกเพื่อต่อสู้ทวงคืนอิสรภาพและศักดิ์ศรีของผู้หญิง (I would encourage Muslim women around the world struggle to reclaim their freedom and dignity of women.)



I believe in only one God, 


Also believe in Hijab.


But i don't like obligatory Hijab! 


ฉันเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว และก็ยังเชื่อว่าการสวมฮิญาบ(คลุมศรีษะในแบบมุสลิม)นั้นย่อมเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สวมใส่แน่นอน 
แต่...ฉันไม่ชอบ การบังคับ หรือ ไร้อิสระในการสวมใส่ เท่านั้น
เอง 




‪#‎MyStralthyFreedom‬ ‪#‎ThaiMuslim‬ ‪#‎Islam‬ ‪#‎มุสลิมไทย‬ ‪#‎อิสลาม‬




การล่าแม่มดในยุคกลาง

ในยุคกลางขอยุโรป หรือ ที่เรียกกันว่า ยุคมืด คือ ยุคที่อยู่ใต้การปกครองของศริสตจักร แม่มดถูกประนามว่า
เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย เป็นมนุนของซาตาน จึงมีการไล่ล่าเพื่อกวาดล้างแม่มดอย่างเอาเป็นเอาตาย
จากบรรดาบาทหลวง ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้านผิดปกติอะไร เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือ คนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ 
มักจะมีการกล่าวหาว่าเป็นผลงานของแม่มด และ จะมีการรัดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย 
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแพะรับบาป การกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นไปอย่างเลื่อนลอย หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาดูแล้ว
น่าสมเพช ใช้แค่การดูรูปลักษณ์ภายนอก ใครที่ดูแปลกๆกว่าคนอื่น จะโดนกล่าวห้องกล่าวหาได้ง่ายๆ เหยื่อส่วนใหญ่คือผู้หญิง 
โดยเฉพาะหญิงแก่ชรา มักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และ ถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าเอนจอนาถ 
ไม่ใช่แต่คนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น ผู้ที่มีหน้าตางดงาม สวยเกินไปก็มักถูกข้อกล่าวหานี้เช่นกัน 
เพราะสงสัยว่าเอาวิญญานเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่างดงาม แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุนกรรมผู้หญิง 
โดยยกข้องอ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างว่า 
" สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต Thou shlt not suffer a witch to live " 
การเข่นฆ่าตอนนั้นจึงได้รับรองว่าเป็นสิ่งชอบธรรม

เจเค โรลลิ่ง ได้เขียนถึงการล่าแม่มดไว้ในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในเชิงขบขัน แต่จริงๆแล้วไม่เป็นเช่นนั้น 

การสังหารแม่มดเป็นเหมือนรอยแปดเปื้อนในประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติ ที่ไม่สามารลบเลือนได้ 
โดยเฉพาะการทารุนกรรมต่างๆ เกิดจากฝีมือของผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้า ที่ต้องมีความเมตตาการุณย์
อยู่ในจิตใน แต่ตรงกันข้าม ศาสนจักรในยุคกลางนั้นป่าเถื่อน และ วิปริตผิดมนุษย์ ไม่ปรากฎหลักฐานจริงๆว่า 
แม่มด เคยได้ทำร้ายผู้คนจริงๆ นอกจากคำสารภาพของบุคคลที่ถูกทรมารให้รับผิด
เชื่อกันว่าแม่มดเคารพบูชา ซาตาน ในการรับใช้จอมมารนั้น ต้องเกณฑ์ผู้คนเข้าเป็นพวก 
อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันยิ่งใหญ่ ในการทำลายคริสตศาสนา ลดทอนค่านิยมอันดีงาม 
และ ล่อวิญญาณมนุษย์สู่ขุมนรก ในวันธรรมสวนะ ( แซบบัธวีนพักผ่อนตามลัทธิศาสนายิว 
คือ วันพุธ และ ศาสนาคริสต์ คือ วันอาทิตย์ ) หรือ ในวันชุมนุมของศาสนิกชนยิว 
โดยเฉพาะอันเรียกว่า ซันอะก๊อก 
ในพิธีนั้น เหล่าแม่มดจะทำการสักการะซาตาน ผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งจะมาปรากฎตัวให้เห็นเป็นบางครั้ง 
ในเรือนร่างของมนุษย์ แต่บ่อยครั้งจะปรากฎในรูปสัตว์ เช่น แพะสีดำสนิท และ ใหญ่มหึมา 
จากความเชื่อนี้ และ เมื่อคริสตจักรเรืองอำนาจ จึงเกิดการเข่นฆ่าพวกนอกศาสนาอย่างโหดเหี้ยม

เดิมทีมีการจัดการกับพวกแม่มดหมอผีอยู่บ้าง แต่การประหัตประหารเหล่าแม่มดอย่างเป็นระบบนั้น 

เริ่มต้นจากการพิพากษาของศาลที่สนับสนุนโดยพระสันตะปาปา ที่จัดตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 
เพื่อกำจัดพวกนอกรีตอัลโบเจนเซียน หรือ ชาวเมือง ฮีลบี ทางตอนใต้ของฝรั่งเศษ 



อย่างที่เราทราบกันดีว่าแต่ก่อนนั้น พระสันตะปาปา หรือ โป๊บ เป็นผู้กุมอำนาจ ทั้งการเมือง และ 

ศาสนาไปพร้อมๆกัน เพราะฉะนั้น คริสต์ศตวรรษที่ 13 จึงมีบรรดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มี โป๊บ 
สนับสนุนเที่ยวไปสอบสวย ระรานพวก อัลโบเจนเซียน แล้วทำเลยเถิดไป กลายเป็นการเข่นฆ่าพ่อมด 
แม่มด เทียมกันอย่างสนุกมือ แต่สยองใจไปแทน
การเข่นฆ่าแม่มดขนาดใหญ่ เกิดขึ้นกลางของยุโรป ราวศตวรรษที่ 15 ต่อเนื่องไปจนถึง ศตวรรษที่ 17 
นานหลายร้อยปีทีเดียว การกล่าวหาบุคคลต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย ประบวนการสอบสวนการทารุนต่างๆ 
ซึ่งไม่มีผู้ไดสามารถทนได้ เช่น การใช้ตะปูควง ตอกเล็ก , ใช้เครื่องดึงชัดรอกดึงแขนให้ไขว้ขึ้น เพื่อให้หัวไหล่หลุด 
แล้วแขวนไว้ให้ทรมาร และ อื่นๆอีกมาก ซึ่งผลการสอบสวนจะยุติลงเมื่อมีการสารภาพ แน่นอนคือการยอมรับผิด
ว่าตนเป็นพ่อมด แม่มด แต่เท่านี้ยังไม่พอ เหยื่อยังถูกให้ซัดทอดอีก
บทลงโทษยอดฮิตสำหรับการเป็นพ่อมด แม่มด คือ การเผาทั้งเป็น วิธีการนี้ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งคิดขึ้นมาใหม่ 
แต่เป็นธรรมเนียมตกทอดกันมา จากหลักฐายเก่าแก่ที่กล่าวถึงการเข่นฆ่าแม่มด ที่ได้บันทึกไว้เมื่อ 350 ปี
ก่อนคริสต์กาล โดย ดิเมอร์ชีนิส นักเล่านิทานแห่งกรีก กล่าวถึงผู้หญิงนามว่า ธีออริส แห่ง เลมมอส 
ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด แห่งกรุงเอเธนส์และ เธอก็ถูกเผาทั้งเป็นในเวลาต่อมา

ประเทศที่มีการทารุนกรรมมากที่สุดก็คือ เยอรมนี เฉพาะ เมืองแบมเบิร์ก เพียงแห่งเดียว มีแม่มดถูกเผาทั้งเป็น

กว่า 600 คน การลงโทษนี้เริ่มตั้งแต่ปี 1609 ไดยมีบิชอป ฟอน อาสโซเสน ปกครอง โดยบิชอปคนนี้
ได้สั่งเผาแม่มดไปกว่า 300 คนภายในเวลา 13 ปี หรือประมาณ สองอาทิตย์ 1 ศพ
อันที่จริงก่อนหน้ายุคกลางใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจเรื่องราวของ พ่อมด แม่มดมาก่อน อันที่จริงน่าจะมีพ่อมด 
แม่มดอยู่ทั่วยุโรป ซึ่งปรากฎในประวัติศาสตร์เสมอมา จนมาถึงยุคกลางที่คริสตจักรเรืองอำนาจจนถึงขีดสุด 
จึงได้มีความพยายามกำจัดสิ่งที่นอกเหนือจากคำสอนของศาสนาออกไป แม้แต่ กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ 
ยังถูกศาสนาพิจารณาความผิด เพราะบังอาจกล่าวว่า โลกกลม ไม่ได้แบน และ โลกไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล 
ซึ่งขัดแย้งกับไบเบิลเป็นอย่างมาก แต่จนถึง ณ เวลานี้ เราก็ทราบกันดีว่าฝ่ายใดถูกต้อง
ความเชื่อไสยศาสตรืนับถือพญามาร แม่มดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 
แม่มดขาวเป็นพวกที่นับถือสิ่งศักสิทธ์เหนือธรรมชาติ(Supreme being)หรือไม่อาศัยความช่วยเหลือจากนางฟ้า นักบุญ 
แม่มดดำเป็นพวกที่เคารพบูชาซาตาน(Satan)และอาสัยความช่วยเหลือจากบรรดาภูติร้ายวิญญาณชั่ว)  
มีมากจนทำให้เกิดการลงทัณฑ์ทรมานและประหารชีวิตผู้ถูกกล่าวหาว่าใช้วิชาแม่มดหมอผีประมาณสองแสนคน 
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงชราตัวคนเดียว 

การตามล่าแม่มดเป็นกิจกรรมโปรดของพวกเพียวริแทน(เคร่งศาสนา) ในศตวรรษที่ 17 แมธธิว ฮอปกินส์ เป็นนักล่าแม่มดตัวยงเขาแขวนคอ

แม่มดเฉพาะในแคว้นเอสเสกซ์ถึง 60 รายในปีเดียว กฎหมายอังกฤษและสก็อตแลนด์ซึ่งต่อต้านวิชานี้ยกเลิกไปใน ค.ศ.1736 

***การเผาแม่มดอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายในบริเตนเกิดขึ้นใน ค.ศ.1722 เมื่อเจเนตต์ ฮอร์นถูกกล่าวหาว่าเสกลูกสาวให้กลายเป็นลูกม้า         

ปลายเดือนตุลาคมของทุกปี ประเทศแถบยุโรปมีงานเทศกาล ฮัลโลวีน (Halloween : เป็นเทศกาลชุมนุมนักบุญตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม)

เทศกาลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ แม่มดอยู่ด้วย เชื่อกันว่า ผู้ที่มาเคาะประตูขอขนม เล่น เกมจะโดนหลอกหรือให้ขนม (Trick or Treat) 

นั้นเป้ฯแม่มด ถ้าเราไล่ไปและไม่ให้ขนมแม่มดจะดลบันดาลให้มีสิ่งร้ายเกิดขึ้น 
แน่นอนในสายตาของเด็กทั่วไป แม่มดมีเพียงในนิทานและเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งชุดแฟนซีในเทศกาล ฮัลโลวีน เท่านั้น 
มีเพียงบางคนที่พอจะรู้เรื่องประวัติศาสตร์ตะวันตกสมัยที่แม่มดถูกแขวนคอและถูกฆ่า การกวาดล้างแม่มดในครั้งนั้นไม่ไดทำให้แม่มดหายไป 
แต่กลับมีการฝึกฝนพลังแม่มดมากกว่าเมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-17 ที่มีการคลั่งแม่มดเสียอีก 

จำนวนของแม่มดในสหรัฐอเมริกา มีมากถึง 50,000 คน สหรัฐอเมริกา เป้ฯดินแดนที่วิชา ว่าด้วย การทำคุณไสย (witchcraft) 

เป็นที่รู้จักอย่างเป้ฯทางการ จำนวนของแม่มดในออสเตรเลีย และยุโรป อาจจะมีจำนวนมากพอๆ กันก็ได้ แต่ไม่เป็นที่เปิดเผย 
ครั้งหนึ่งที่โบสถ์และโรงเรียนแห่งวิกแคน เปิดหลักสูตรสอนวิชา การของแม่มดทางจดหมาย มีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 40,000 คน 
ความคิดเห็นของผู้คนต่อ คุณไสยของแม่มดมีแตกต่างกันไป มีทั้งกลุ่มที่เห็นว่า เป้นความสนุกสนานรื่นเริง และผู้ที่เกลียดชังลัทธินี้ 
อย่างไรก็ตาม ความนิยมในคุณไสยของแม่มดก็ยังมีอยู่ เห็นได้จากความสำเร็จของหนังสือและนิตยสรเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่มียอดขายสูงพอสมควร 

ในสมัยก่อผู้คนต่างเชื่อว่า การเจ็บป่วยและโชคร้ายนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเอง เชื่อกันว่า การเจ็บป่วยและอุบัติเหตุต่างๆ เป็นความตั้งใจของแม่มดทั้งสิ้น 

แม่มดเป้ฯผลพวงของศาสนาคริสต์กับลัทธิป่าเถื่อน แม่มดใช้คุณไสยช่วยเหลือผู้คน รักษาโรค นำโชค แต่คุณไสยสามารถนำมาใช้ในทางไม่ดีได้ด้วย 
ในสังคม อัฟริกา นั้นเชื่อว่า อุบัติเหตุขึ้นเนื่องจากแม่มดทั้งสิ้น 

ในซูดาน และซาอีร์ เชื่อว่า การเป็นแม่มดนั้นเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ผู้ที่เป็นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเป็นแม่มด สังคมนี้เชื่อว่าความเจ็บป่วย

เกิดจากเชื้อโรค ซึ่งตรงกับนิยามทางวิทยาศาสตร์ ผิดแต่เพียงว่าแม่มดเป็นผู้ควบคุมเชื้อดรคเพื่อสร้างความเจ็บป่วยให้กับคนบางคนเท่านั้น
ส่วนภาพลักษณ์ของแม่มดในสังคมยุโรปไม่ค่อยชัดเจน แม่มดอาจจะเลวร้อยหรืออาจเป็นผู้วิเศษที่ช่วยรักษาโรคและนำโชคดีมาให้กับได้พวกเขา
รักษาโรคโดยใช้ความรู้ทางยาและสมุนไพรประกอบกับเวทมนตร์ คาถา ภาษา ละติน และฮีบรู ที่โดยมากสืบทอดจากพวก เคลต์ 
(Celtic : ชาติวงศ์เมื่อพันกว่าปีของยุโรปกลางและยุโรปตะวันตก) นอกจากคุณไสยจะถูกนำมาใช้ในทางรักษาโรคแล้ว 
ยังอาจนำไปใช้ในการสาปแช่งและทำเสน่ห์ได้ด้วย บุคคลใดเชื่อว่าตนถูกสาป จะต้องไปหาแม่มดเพื่อแก้คำสาปนั้น 
เรื่องของคุณไสยและเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในยุคกลาง แม้ในศาสนาคริสต์พลังเหนือธรรมชาติถือว่า ถูกแสดงได้โดยพระเจ้า 
เรื่องราวของการต่อต้านแม่มดและการใช้คุณไสยเริ่มมีขึ้นเมื่อก่อนยุคกลางที่มีผู้วิเศษกล่าวหาว่า พระเยซู เจ้าไม่ได้ต่างอะไรกับผู้วิเศษคนหนึ่งเท่านั้น 
ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดอย่างองค์กรทางศาสนาอ้าง ตั้งแต่นั้นมา องค์การศาสนา ก็ทำการต่อต้านผู้วิเศษรวมทั้ง แม่มดฐานแสดงความขัดแย้ง
ต่อพลังอำนาจของพระเจ้า 

พ.ศ. 2027 องค์กรทางศาสนาโรมันคาทอลิก ประกาศว่าผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช้สมาชิกของศาสนาแต่ปฏิบัติพิธีกรรม การใช้เวทมนตร์ คาถา 

และมีพลรังเหนือธรรมชาติ ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับซาตานและปิศาจ พลังที่ได้มาไม่ใช้มาจาก พระเจ้า แต่ได้มาจากซาตานและ ปิศาจ 
ต่อมาผู้คนเริ่มสงสัยว่า ปิศาจ และซาตาน ที่องค์กรทางศาสนา กล่าวว่า เป็นศัตรูกับพรเจ้านั้นมีรู้ร่างลักษณะอย่างไร ทำให้สาวกของศาสนา
ต้องทำการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง เพื่อนำข้อมูลออกเผยแพร่ก่อนที่ผู้คนจะหมดศรัทธาในศาสนา 

เนื่องจากสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับ แม่มด และผู้วิเศษ ในปี พ.ศ. 2124 หนังสือเกี่ยวกับปิศาจถูกพิมพ์ขึ้น เพื่อให้ข้อมูลเป็นที่ประจักษ์

และเมื่อช่วงปลายุคกลางปิศาจก็เริ่มมีรูปร่างลักษณะชัดเจนมากขึ้นด้วยภาพวาดของพี่น้องลิมเบอร์ก (Limbourg) แสดงให้เห็นว่า 
ปิศาจนั้น มีเขา มีหาง และเท้าเป็นกีบ ปีศาจอาจมาในรูปลักษณะอื่นเพื่อหลอกลวงและซักน้ำผู้ที่อ่อนแอไปในทางที่ผิด ดังนั้น ใครก้ตามที่นำทาง
ให้กลุ่มคนเกิดควมเชื่อที่ไม่เกี่ยวขอ้งกับศาสนาแล้วผู้นั้นเป็นสาวกของปิศาจ แม่มดก็ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่ยอมรับและลุ่มหลงในพลังอนาจ
ของปิศาจและถือว่าเป็นสาวกของมัน นั้นเป็นเหตุให้มีการล่าและกำจัดแม่มดในเวลาต่อมา 
ในปี พ.ศ. 2133 พรเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ (ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ) ได้รับทราบแผนการ
ลอบปลงพระชนม์ที่ เอิร์ล แห่ง โบธเวลล์ (Bothwell) เป็นผู้วางแผนโดยใช้คุณไสยอขงแม่มดเป็นเครื่องมือ พระเจ้าเจมส์ 
มีความเชื่อในเรื่องอำนาจของปิศาจอยู่แล้วจึงเชื่อว่าคุณไสยของแม่มด น่าจะมีจริง พระองค์ทรงตัดสินพระทัยว่า จะค้นหาความจริงเริ่ม 
โดยการสืบสวน แม่มด ฐานเป็นกบฏ แอกเนส ซิมพ์สัน (Agnes Simpson) หัวหน้าแม่มดถูกนำมาพิจารณาคดีที่ นอร์ธ เบอร์วิก (North Berwick) 
หลังจากถูกทรมาน แอกเนส สารภาพถึงกรรมวิธีต่างๆ ที่ใช้เพื่อพยายามปลงพระชนม์แต่ไม่สำเร็จ 
เนื่องจากพระเจ้าเจมส์ ทรงเป้ฯสาวกของพระผู้เป็นเจ้า เป็นผลให้พลังอำนาจของปิศาจไม่สามารถทำอันตรายต่อพระองค์
ได้จากคำสารภาพทำให้เหล่าแม่มดมีความผิดจริงจึงถูกประหารโดยการเผาที่ เอดินเบิร์ก (Edinberg) ส่วนเอิร์ล แห่งโบธเวลล์ 
ผู้เป็นราชนัดดาที่ก่อการทั้งหมดได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศ ชิชิลีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ นอร์ธ เบอร์วิก เป็นจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มด
แม่มดกลายเป็นบุคคลชั่วร้ายและอันตราย สมควรแก่การล่า และสังหารโดยการแขวนคอ หรือเผาทั้งเป็น 
เรื่องราวาของ แม่มด กลายมาเป็นหัวข้อของศิลปินแขนงต่างๆ ในสมัยนั้นมีการแต่งกลอนหรืองานเขียนเกี่ยวกับแม่มด 
เนื่องจากพระเจ้าเจมส์ ทรงเป้ฯสาวกของพระผู้เป็นเจ้า เป็นผลให้พลังอำนาจของปิศาจไม่สามารถทำอันตรายต่อพระองค์
ได้จากคำสารภาพทำให้เหล่าแม่มดมีความผิดจริงจึงถูกประหารโดยการเผาที่ เอดินเบิร์ก (Edinberg) ส่วนเอิร์ล แห่งโบธเวลล์ 
ผู้เป็นราชนัดดาที่ก่อการทั้งหมดได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศ ชิชิลีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ นอร์ธ เบอร์วิก เป็นจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มด
แม่มดกลายเป็นบุคคลชั่วร้ายและอันตราย สมควรแก่การล่า และสังหารโดยการแขวนคอ หรือเผาทั้งเป็น 
เรื่องราวาของ แม่มด กลายมาเป็นหัวข้อของศิลปินแขนงต่างๆ ในสมัยนั้นมีการแต่งกลอนหรืองานเขียนเกี่ยวกับแม่มด 



นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง วิลเลียม เชกส์เปียร์ (Wiliam Shakespeare) ก็ได้นำเหตุการณ์ที่ นอร์ธ เบอร์วิก 

มาเขียนเป็นละครและจัดแสดงต่อหน้าพระพักตร์ที่พระราชวัง แฮมพ์ตัน (Hampton)เนื้อหาของละครเป็นไปตาม
เหตุการณ์จริงที่ แอกเนส สารภาพ
หลายปีผ่านไป พระเจ้าเจมส์ เริ่มสงสัยว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อแม่มดอาจมีขึ้นเนื่องจากต้องการให้แม่มดเป็นแพะรับบาป
ของยุทธวิธีทางการเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ ปัญหา คือ การหาข้อเท็จจริงและการพิสูจน์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อผู้คนปักใจเชื่อแล้วว่าแม่มด เป็นปิศาจร้ายก็ยากที่ลบเลือน 



ในปี พ.ศ. 2029 มีการพิมพ์ คู่มือพฤติกรรมแม่มดเพื่อช่วยให้การจับและล่า แม่มด เป็นไปอย่างถูกต้องมากขึ้น ห้องกันไม่ให้

ผู้บริสุทธิ์ต้องมารับโทษด้วย ในคู่มืออธิบายว่า แม่มดโดยมากเป็นผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงอ่อนแดกว่าผู้ชายจึงถูกปีศาจหลอกล่อ
ให้ไปเป็นสาวกได้ง่ายกว่า การล่องหนหายตัวก็เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งของแม่มด วิธีที่จะทำให้ แม่มด สารภาพคือ 
การทรมานด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตอกเล็บหรือการทรมานทางร่างกายอื่นๆ ผู้ที่ถูกเชื่อว่าเป็ฯแม่มดจะถูกทรมาน
จนกบ่าจะยอมรับสารภาพว่าเป็นแม่มดจริง ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่สามารถหาความจริงได้เนื่องจากบางคนต้องยอมรับ
สารภาพเพระาทนความเจ็บปวดไม่ไหว 

และด้วยอีกความเชื่อที่ว่า แม่มด ไม่อยู่โดดเดี่ยว แต่มีกันเป็นกลุ่มทำให้แม่มดที่ถูกจับต้องยอมบอกชื่อของแม่มดอื่นๆด้วย

และผู้หญิงที่โนเอ่อยชื่อก็จะถูกจับมาทรมานอีกเป็นวงจรอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดผู้หญิงคนใดถูกจับแล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นข้อกล่าวหนา 
หนทางที่จะพ้นความทรมาน คือยอมรับและยอมเอ่ยชื่อคนอื่นออกมา ในบางสังคม วงจรนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนแทบไม่เหลือใครให้กล่าวหาอีกแล้ว 



ในบางหมู่บ้านมีผู้หญิงเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น บางสมัยมีการสังหารหมู่เหล่าแม่มดในคราวเดียวถึง 600-900 คน 

วันหนึ่งๆ มีผู้หญิงต้องตายเนื่องจากการล่า แม่มด นับพันคน มีบางคนเหมือนกันที่เห็นว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง
เพราะทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตาย แต่การต่อต้านก็จะจบลงด้วยการถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเสียเอง และถูกฆ่าในที่สุด 



มีตัวอย่างดังในสมัยพระเจ้าโยฮันน์ จอร์จ ที่ 2 (Johann Georg ll) แห่งเยอรมัน มีผู้ไม่เห็นด้วย

ชื่อ โยฮันเนส จูนิอุส (Johannes Junius) ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงสำหรับทรมาน แม่มด 
โดยเฉพาะ ผลาคือ จูนิอุสถูกจับและหลังจากความทรมานแสนสาหัสเธอจำเป็นต้องยอมรับว่าเป็นแม่มด 
และถูกฆ่าในที่สุด 

ก่อนตาย จูนิอุส ได้เขียนจดหมายถึงลูกสาวบรรยายความทุกข์ทรมานที่ได้รับและการที่ต้องโกหกเพ่อที่จะพ้นควาทุกข์ทรมานนี้ 

เป็นจดหมายที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนสมัยนั้นเป็นอย่างมากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า อะไรทำให้การล่าและความเชื่อ
เกี่ยวกับแม่มดลดลงและเสื่อมสลายไป อาจเป็นไปได้ว่า ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ในพุทธศตวรรษที่ 23 เบี่ยงเบนความสนใจ 
หลังจากนั้น แม่มดไม่ค่อยเป็นที่พบเห็น มีเพียงคุณไสยขอผู้วิเศษหรือคนทรงต่างๆ ที่ยังคงอยู่ต่อไปความเชื่อในพลังเหนือธรรมชาติ
คงมีอยู่ต่อไป แม้ไม่เป็นที่บ้าคลั่งเหมือนเดิม ดังเช่น ในยุคพุทธศตวรรษที่ 21-22 



แต่เดิมก็ไม่มีใครสนใจในเรื่องของแม่มดเท่าใดนัก มาโด่งดังเอาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 

เมื่อชาวเมืองอัลบิ (Albi) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีความเบื่อหน่ายในศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก
และหันเหไปแสวงหาสัจธรรมในลัทธิที่เรียกว่า "คาธาริ" 

การเปลี่ยนใจไปถือลัทธิอื่นนี้เป็นสิ่งที่พระสันตะปาปาแห่งโรมไม่อาจยอมได้ จึงส่งทัพม้า 20,000 นาย 

และทหารเดินเท้าอีก 200,000 นาย เข้าปราบปรามใน ค.ศ. 1214 จับผู้ชายเมืองอัลบิแขวนคอ 
ส่วนผู้หญิงกับเด็กนั้นเอาหินขว้างจนตาย บ่อน้ำทั้งหลายถูกทำลายจนสิ้น เรียกว่าปราบปรามแบบ
ถอนรากถอนโคนไม่เหลือหลอเลยล่ะ 



คณะผู้ดำเนินการปราบปรามนี้มีชื่อว่า "สำนักศักดิ์สิทธิ์ (INQUISITION) แต่งตั้งโดยองค์สันตะปาปา 

ซึ่งหลังจากปราบชาวอัลบิราบคาบแล้งก็ไม่มีงานอะไรให้ทำอีก จึงต้องมองหากิจกรรมอื่น เหลียวไปเหลียวมา
แล้วก็เลยคว้าเอาแม่มดมาสร้างสถานการณ์ขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดการแตกตื่นหวาดกลัวแม่มดกันทั่วยุโรป 
และกลายเป็นกรรมของผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำทารุณและสังหารอย่างโหดเหี้ยม 

พิธีกรรมของแม่มด ต้องใช้สิ่งประกอบคือ ไก่ งู และหม้อ ใช้เรียกฝนฟ้าพายุได้ 

แม่มดมีความผิดอันใดหรือ จึงถูกองค์การคริสต์ศาสนากวาดล้าง ? 



คำตอบก็คือว่า ประดา (ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น) แม่มดนั้น มีพฤติกรรมที่ชี้ชัดว่าได้ร่วมมือกับ "ซาตาน" บ่อนทำลายคริสต์ศาสนจักร 


ทั้งนี้ จากการไต่สวนของคณะศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองตูลุส, ฝรั่งเศส พบว่า สตรีที่แม่มดได้กระทำการวิปริตผิดมนุษย์หลายประการด้วยกัน 

อาทิ เชื่อว่าปิศาจนั้นทรงอานุภาพระดับเดียวกับพระเจ้า (God) เอาเสื้อผ้าจากศพที่ถูกแขวนคอมาสวมใส่ เอาสมุนไพรที่เป็นพิษมาต้ม 
เคี่ยวเพื่อทำยาพิษ (คงเคยเห็นภาพที่แม่มดต้มกลั่นน้ำยาด้วยหม้อใบโตๆน่ะ) ลักขโมยทารกแดงๆไปเป็นภักษาหาร เป็นตัวการ
ทำให้ฝูงสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยและพืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหายและที่ร้ายกาจที่สุดก็คือกรรมวิธีฝังรูปฝังรอย โดยเอาขี้ผึ้งมาปั้นเป็น
รูปเหยื่อแล้วเอาเศษเสื้อผ้าของเหยื่อมาตกแต่ง จากนั้นก็เผาหุ่นขี้ผึ้ง ทำให้เหยื่อต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมาน 



ความหวาดผวาของชาวยุโรป สาเหตุหนึ่งมาจากกรณีของจอมโหด "จิลล์ เดอ เคร" ซึ่งเป็นขุนนางฝรั่งเศสผู้เคยร่วมรบ

กับ "โจน ออฟ อาร์ค" มาแล้ว หลังการสงคราม จิลล์ สิ้นเนื้อประดาตัว และต้องการที่จะกลับมาร่ำรวยใหม่โดยอาศัย "มนตร์ดำ"
ซึ่งในการนี้จำเป็นจะต้องใช้โลหิตของผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา เขาออกปฏิบัติการ"ฆ่า"เด็ก เอาโลหิตไม่น้อยกว่า 50 ราย แต่แล้วก็ถูกจับได้ 
และโดนประหารด้วยการ "เผาทั้งเป็น"นั่นเป็นตัวอย่างหนึ่งของพ่อมดหมอผี แต่ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่แล้วมิได้เป็นอาชญากรแต่อย่างใด
พวกเขาเป็นเพียงผู้สูงอายุที่สับสนและทำอะไรตามประสาคนแก่ หลงๆลืมๆ และเพี้ยนไปจากชาวบ้านเท่านั้น แต่พวกเขาก็ต้องตกเป็น
แพะรับบาปในกรณีที่เกิดข้าวยากหมากแพง หรือมีใครที่เสียชีวิตโดยหาสาเหตุมิได้ 



เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มดนั้น ก็หมายถึงต้องถูกทรมานและตายนั่นเอง ทางการท้องถิ่นจะเป็นผู้สอบสวนและลงโทษ 

การประหารครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เหยื่อที่ถูกกล่าวหานั้นมิใช่ใครอื่น หากเป็นเหล่าอัศวินผู้พิทักษ์ศาสนา (Knight Templar) 
ผู้กลับมาจากสงครามครูเสด พร้อมด้วยทรัพย์สินที่ยึดมาได้มากมาย กษัตริย์ฟิลิปส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ทรงริษยาในความมั่งคั่งร่ำรวยของเหล่าอัศวิน 
และคิดจะฮุบเอามาไว้เป็นของพระองค์ภายหลังการสอบสวน อัศวิน 54 คน พร้อมกับหัวหน้าถูกพิพากษา "เผาทั้งเป็น" 

หลังจากนั้นใน ค.ศ. 1459 ก็มีการไต่สวนในข้อหาพ่อมดหมอผีครั้งใหญ่อีก และผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากก็โดนเผาทั้งเป็น 

ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านนับพันคน 


การปราบปรามแม่มดได้พัฒานาสุดขีดใน ค.ศ. 1484 เมื่อสันตะปาปา "บุล" ทรงออกกำหมายลงโทฯผู้ที่ออกนอกรีตและฝักใฝ่ไสยศาสตร์ 

โดยมีพระคาทอลิก 2 องค์ นาม "ไฮน์ริช เครเมอร์" กับ "เจคอบ สเปรงเกอร์" ได้ช่วยกันออกหนังสือ "คู่มือล่าแม่มด (Malleus Maleficarum)" 
ยาว 200,000 คำ รวบรวมกำและวิธีการต่างๆในการจับกุม ทรมาน และประหารเหล่าแม่มดทั้งหลาย ซึ่งนานาประเทศในยุโรปได้ยึดเอาหนังสือเล่มนี้
ประดุจคัมภีร์ในการกำจัดแม่มดเป็นเวลายาวนานกว่า 200 ปี 



การล่าแม่มดมักเริ่มต้นด้วยการทดสอบง่ายๆ คือ จับตัวผู้ถูกสงสัยโยนลงน้ำ ถ้าหากเป็นแม่มดก็จะลอยขึ้นมา แต่ผู้บริสุทธิ์จะจม (บางทีก็จมน้ำตายไปเลย) 

และผู้ที่ลอยก็จะโดนนำตัวไปสอบสวนต่อไปการสอบสวนจะคล้ายๆกัน เมื่อถูกนำตัวขึ้นศาล ผู้ต้องสงสัยจะถูกซักถามเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ตนใช้
ความสัมพันธ์ที่มีกับซาตาน และกิจกรรมพิธีต่างๆ คณะศักดิ์สิทธิ์จะบีบบังคับให้สารภาพและบอกชื่อผู้กระทำผิด ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 
ผู้สอบสวนก็จะแก้ผ้าผู้ต้องสงสัยออก แล้วโกนขนหมดทั้งตัวเพื่อค้นหาดู "เครื่องหมายปิศาจ" ที่ปรากฏอยู่บนตัว บางครั้งหัวนมที่สามหรือตุ่มไตต่างๆ
ก็อาจถูกระบุว่าเป็นเครื่องหมายแม่มดได้ (ใช้สำหรับให้ทารกซาตานดูดนม) เครื่องหมายแม่มดนี้บางครั้งหลบซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังมองไม่เห็น
จึงต้องใช้อุปกรณ์แหลมคมเจาะหรือกรีดออกจึงจะพบ 

หลังจากพบเครื่องหมายแม่มดแล้ว ก็จะบังคับให้สารภาพอีกครั้ง ถ้าปฏิเสธก็ต้องทำการทรมาน เริ่มด้วยการตอกเล็บ ตามด้วยบีบขมับ เข้าเครื่องยืดแขนขา 

ถ้าหากยังปากแข็งก็เอาไปบีบอัดขา เอาเหล็กแดงๆจิ้มตามตัว สุดท้ายก็คือวิธี "แสตปตาโด" เอาร่างเปลือยของผู้สงสัยขึ้นแขวนโยงกับรอก 
และถ่วงน้ำหนักที่เท้า ดึงห้อยแขวนไว้จนกว่าจะยอมสารภาพ ซึ่งนั่นก็คือยอมถูกประหารนั่นเอง



ปี ค.ศ. 1594 ที่เมืองคาลวินิสต์. สกอตแลนด์ "นางเอลิสัน บาลโฟร์" ถูกทรมานด้วยการเอาเหล็กรัดบีบแขนนาน 48 ชั่วโมง ในขณะเดียวกัน 

สามีวัย 80 กว่าของนางถูกแท่งศิลาหนัก 700 ปอนด์วางทับ ลูกชายถูกไม้เหลี่ยมตีหน้าแข้ง 57 ที จนกระดูกเละ แม้กระทั่งลูกสาวตัวน้อยวัย 7 ขวบ 
ก็ยังถูกตอกเล็บการถูกทรมานขนาดหนักเช่นนี้ น้อยรายนักที่จะทนได้ ต้องร้องสารภาพทุกราย 

ยิ่งคิดค้นเครื่องประหารที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเท่าใด จำนวนผู้ตากก็มากขึ้นเท่านั้น เช่นบริเวณมณฑลเทรเวส (ปัจจุบันคือไทรเออร์) ในเยอรมนี 

ในช่วงเวลา 6 ปี มีผู้หญิงถึง 368 คน จาก 22 หมู่บ้าน ถูกประหารด้วยข้อหาเป็นแม่มด ต้นศตวรรษที่ 17 ท่านบิชอพแห่งเวอร์ซเบิร์ก 
ทางใต้ของเยอรมันนี ได้เผา "แม่มด" ทั้งเป็นกว่า 900 ราย มีทั้งชายและหญิง รวมทั้งเด็ก 7 ขวบ ซึ่งมาจากทุกฐานะ 

กระทั่งล่วงเข้าศตวรรษที่ 17 ไปแล้ว ผู้คนเริ่มมีเหตุผลมากขึ้น โดยเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ประกาศยุติการประหารแม่มด

ใน ค.ศ. 1610 แต่กว่าจะยุติได้หมดทุกประเทศก็เกือบถึงปลายศตวรรษ และยุคแห่งความแตกตื่นกลัวแม่มดก็จบลงแต่เพียงเท่านี้...

(จำนวนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหารด้วยข้อหาแม่มดมีจำนวนมหาศาล เฉพาะในเยอรมนีมีไม่น้อยกว่า 100,000 คน 

ฝรั่งเศสกับสกอต์แลนด์รวมแล้วราว 10,000 คน อังกฤษประมาณกว่า 1,000 คน เมื่อประเมิณทุกประเทศ 
เชื่อกันว่าไม่น้อยกว่า 200,000 คน)



ที่มา : http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=50192.0

Hot N Cold - Lyrics

You change your mind
Like a girl changes clothes
Yeah you, PMS
Like a bitch
I would know

And you over think
Always speak
Cryptically

I should know
That you're no good for me

'Cause you're hot then you're cold
You're yes then you're no
You're in then you're out
You're up then you're down
You're wrong when it's right
It's black and it's white
We fight, we break up
We kiss, we make up
(You) You don't really want to stay, no
(You) But you don't really want to go-o
You're hot then you're cold
You're yes then you're no
You're in then you're out
You're up then you're down

We used to be
Just like twins
So in sync
The same energy
Now's a dead battery
Used to laugh bout nothing
Now you're plain boring

I should know that
You're not gonna change

'Cause you're hot then you're cold
You're yes then you're no
You're in then you're out
You're up then you're down
You're wrong when it's right
It's black and it's white
We fight, we break up
We kiss, we make up
(You) You don't really want to stay, no
(You) But you don't really want to go-o
You're hot then you're cold
You're yes then you're no
You're in then you're out
You're up then you're down

Someone call the doctor
Got a case of a love bi-polar
Stuck on a roller coaster
Can't get off this ride

You change your mind
Like a girl changes clothes

'Cause you're hot then you're cold
You're yes then you're no
You're in then you're out
You're up then you're down
You're wrong when it's right
It's black and it's white
We fight, we break up
We kiss, we make up
You're hot then you're cold
You're yes then you're no
You're in then you're out
You're up then you're down
You're wrong when it's right
It's black and it's white
We fight, we break up
We kiss, we make up
(You) You don't really want to stay, no
(You) But you don't really want to go-o
You're hot then you're cold
You're yes then you're no
You're in then you're out
You're up then you're down, down.

Someday i will find you

I don’t know your name. I don’t know who you are or where you are or when we will ever meet. I don’t know whether or not you are already in my life somewhere. I don’t even know if you exist in this lifetime. I’d like to believe you’re walking this earth someplace, but sometimes I’m not sure if I even believe in the idea of fate and romance anymore. Maybe you can save me from myself.(Someone)

If you are in this lifetime and on this planet though, I hope I don’t meet you anytime soon. I have a lot to learn and I will probably hurt you, because I don’t know yet that you are the one who will make me happy.
I’ve been through a lot. But while I wish you could have been there with me, I know you will be proud of me because of how strong I turned out to be and all the things I made it through without you. See, I had to be alone for a while so I’d know what I’m capable of. And so I’d appreciate having someone like you more.
I like being single right now because all my time is mine. I need to be single for a while so I will not regret not having this kind of freedom in the future. When I’m yours, I’ll be completely yours because I had this time to be mine.
You won’t just the love of my life, you will also be my best friend in the world. I’d always thought of all my old loves as best friends at the time, but I don’t think I ever really knew what that meant. I love that I will be able to tell you anything and everything and know that you will be the one person in the world who understands.
We won’t always get along and we will more-than-possibly get into some really ugly fights, but I know that in the end, we can make it through because nothing is more important than learning and growing together.
We are probably different people with diverse interests, and that’s a good thing. We will make time for what is important to the other because we like making each other happy. Of course, there will be things that we enjoy doing together. We will spend some days curled up with a blanket and books or popcorn and a good movie. Braveheart will always be a favorite between us, and reruns of FRIENDS will take up some of our lazy Sundays. But we will spend most of our time going around the world together, seeing places we’ve only once dreamed of traveling to.
We both love to talk and laugh, and we will spend a lot of our time getting to know each other. Even when we’ve been together 20 years, we will always find something new about the other or reminisce about the people we once had to be to get there. And while I will probably roll my eyes at your jokes, I will also smile just because it’s so cute how you tried to tell the punch line.
You’ve probably loved a girl (or more) before me, and that’s okay. I’m sorry though if you’ve gotten hurt and I wasn’t there to make you feel better. I’ve been in love before you, too, and I’ve also gotten my heart broken and feel like nobody could really understand. It will take a long time before I can let anyone else in again, and maybe you feel the same way. It will be better to find each other after going through all that, just so we will both know how to not take being in love for granted.
We’ve both, something I wi become better people separatelyll always be thankful for. And because of all the pain we have to go through before we meet, we will both realize then that we deserve that happiness and we deserve each other.
I don’t know what you look like but I know you have kind eyes and a genuine smile. I don’t know what you do for a living but I know that you will have time for me. I don’t know you, but I know that you can give me hug when I’m down, hold my hand for no reason and kiss me just because you love me.
I’m writing this letter for no one. But in spite of all the cynicism I’m entitled to, I have to believe that you’re out there somewhere. I have to believe that all the heartache I’d ever had to endure will someday lead me to you. I have to believe that God created you because He knew I would need you. And while I know I’m a complete person on my own, I have to believe that someone like you exists, someone who might not complete me, but can make life better. More beautiful. More colorful. A man who can make me believe in love again.
I don’t know who you are or if I’ll ever find you, but I wish with all my heart that you’re out there, waiting, just like I am.
I know that someday I will find you. In this lifetime, or the next, I will find you.

believe in yourself when no anyone to save you

smart girls and working women would like to being single as long as they can.
because they know the way to be happy and joyful in their lifetime.
no need to wait from any boys else to fill for them.
It's perfect if i could have a good husband ,a nice family and a cute daughter ,but this is God’s duty, he may be creating my future right now. i can’t design it all by myself. just wait wait and wait God blessing me. that i can do now..
Someday I hope i will had. just doing my best in every single day, here and now.
and i won't regret if that day never comes.. So i'll accept it. if that's meant i'm deserve to be single.

Owners of Las Vegas Casinos


CASINO Owner Stock Symbol Notes
Aliante Station Aliante Gaming LLC -
Aria MGM Resorts International/Dubai World MGM
Arizona Charlie's Whitehall Street Real Estate Funds -
Arizona Charlie's East Whitehall Street Real Estate Funds -
Bally's Caesars Entertainment CZR
Bellagio MGM Resorts International MGM
Binion's TLC Casino Enterprises -
Boulder Station Station Casinos -
Caesars Palace Caesars Entertainment CZR
California Boyd Gaming BYD
Cannery Paulos, Wortman, and Mendenhall -
Casino Max Starwood Lodging/Columbia Sussex HOT
Casino Royale Margaret Elardi -
Circus Circus MGM Resorts International MGM
Cosmopolitan Blackstone Real Estate Partners VII - (8)
The Cromwell Caesars Entertainment CZR (2)
D Derek and Gregory Stevens -
Downtown Grand CIM Group - (1)
Eastside Cannery Paulos, Wortman, and Mendenhall -
El Cortez Kenny Epstein -
Encore Wynn Resorts, Ltd. WYNN
Excalibur MGM Resorts International MGM
Fiesta Rancho Station Casinos -
Fiesta Henderson Station Casinos -
Flamingo Caesars Entertainment CZR
Four Queens TLC CASINO Enterprises -
Fremont Boyd Gaming BYD
Gold Coast Boyd Gaming BYD
Golden Gate Derek and Gregory Stevens and Mark Brandenburg -
Golden Nugget Landry's Restaurants, Inc. -
Green Valley Ranch Station Casinos -
Hard Rock Las Vegas Hotel Brookfield Real Estate Finance Fund II - (3)
Harrah's Caesars Entertainment CZR
Hooters Casino Hotel Canyon Capital Advisors - (9)
The Linq Caesars Entertainment CZR (6)
Las Vegas Club Tamares Group -
LVH Westgate Resorts - (5)
Luxor MGM Resorts International MGM
M Resort Penn National Gaming PENN
Main Street Station Boyd Gaming BYD
Mandalay Bay MGM Resorts International MGM
MGM Grand MGM Resorts International MGM
Mirage MGM Resorts International MGM
Monte Carlo MGM Resorts International MGM
New York-New York MGM Resorts International MGM
Orleans Boyd Gaming BYD
Palace Station Station Casinos -
Palazzo LAS VEGASSands, Inc. LVS
The Palms TPG Capital and Leonard Green -
Paris Las Vegas Caesars Entertainment CZR
Planet Hollywood Resort Caesars Entertainment -
Plaza Tamares Group -
Rampart Casino Marriott -
Red Rock Station Casinos -
Rio Caesars Entertainment -
Riviera Paragon Gaming -
Sam's Town Boyd Gaming BYD
Santa Fe Station Station Casinos -
Silver Sevens Affinity Gaming -
Silverton Edward Roski, Jr. -
SLS SBE Entertainment - (4)
South Point Michael Gaughan -
Slots-A-Fun MGM Resorts International MGM
Stratosphere Whitehall Street Real Estate Funds -
Suncoast Boyd Gaming BYD
Sunset Station Station Casinos -
Texas Station Station Casinos -
Treasure Island Phil Ruffin
Tropicana Tropicana LAS VEGAS HOTEL and Resort - (7)
Tuscany Tuscany Hotel, LLC -
Venetian LAS VEGASSands, Inc. LVS
Wild Wild West Station Casinos -
Wynn Las Vegas Wynn Resorts, Ltd. WYNN

Notes

(1) The Downtown Grand opened on October 27, 2014.
(2) Bill's Gamblin' Hall reopened as The Cromwell on April 24, 2014.
(3) On March 2, the foreclosure by the creditors on the Hard Rock was completed.
(4) On August 22, 2014 the SLS opens on the site of the former Sahara.
(5) On June 29, 2014, LV was sold to Westgate Resorts.
(6) On October 30, 2014 the Quad changes its name to the Linq.
(7) Penn National Gaming agreed to purchase the Tropicana for $360 million on April 29, 2015.
(8) The Cosmopolitan has been sold to Blackstone Group on May 15, 2014. Regulatory approval was granted on December 18, 2014.
(9) Hooters sale by Canyon Capital Advisors to TRINITY HOTEL Investments was agreed on May 1, 2015, but the sale has not yet received regulatory approval.
Got any information about LAS VEGAS casino ownership? Send me email at: npc@lvrevealed.com.