Translate

卐☠✈ ✡ ระเบิดปรมาณูนิวเคลียร์ ถล่มเมืองฮิโรชิมากับนางาซากิ 卐☠✈ ✡


เรื่องราวของการใช้อาวุธทำลายล้างมวลชนครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เป้าหมายคือจักรวรรดิญี่ปุ่น วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ระเบิดที่ไม่เหมือนลูกไหนๆ ได้หล่นลงมาจากท้องฟ้าเหนือเมืองฮิโรชิมา  ระเบิดลูกนี้ได้รับการออกแบบโดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดของโลกและการนำมันมา ใช้คือการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลก  เรื่องราวของลูกเรือบนเครื่องบินที่ปฏิบัติภารกิจลับในการทิ้งระเบิดที่ทำ ให้เมืองฮิโรชิมาทั้งเมืองต้องพังพินาศภายในไม่กี่วินาที  ระเบิดลูกนั้นช่วยยุติสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ของประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ
ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ที่ศูนย์วิจัยลับสุดยอดในลอส-อลามอส รัฐนิวเม็กซิโก ระเบิดชนิดใหม่ถูกนำไปใส่ในรถบรรทุกติดอาวุธเต็มอัตราศึก นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางซึ่งจะไปสิ้นสุดลงที่ฮิโรชิมา ระเบิดลูกนี้เป็นผลผลิตจากการวิจัยเป็นเวลาสามปี และใช้เงินในการพัฒนาไปถึงสองพันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังไม่เคยมีการทดสอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
16 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ที่อลามากอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก
การทดสอบก็มาถึง กลางทะเลทรายของรัฐนิวเม็กซิโก บรรดานักวิทยาศาสตร์และทหารในโครงการแมนฮัตตันได้มารวมตัวกันเพื่อทดสอบการ ระเบิดของระเบิดปรมาณูเป็นครั้งแรก การระเบิดครั้งนี้ทำให้หอคอยสเตนเลสสตีลที่รองรับลูกระเบิดถึงกับระเหยกลาย เป็นไอ ความร้อนอันแรงกล้าทำให้ทรายในทะเลทรายหลอมละลาย กลายเป็นแก้วปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ดังนั้น เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงมีแนวโน้มที่จะต้องบุกอย่างเต็มอัตรา โดยที่บางคนประมาณการว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญกับความสูญเสียมากมาย ทหารอาจบาดเจ็บล้มตายถึงหนึ่งล้านนาย และฝ่ายญี่ปุ่นก็ต้องสูญเสียมากกว่านั้นเยอะ
ญี่ปุ่น สมัยนั้น จักรพรรดิคือประมุขของประเทศ และยังเป็นเทพที่มีชีวิต แต่อำนาจอยู่ที่คณะที่ปรึกษาพิเศษซึ่งกำกับกิจการสงคราม นายกรัฐมนตรีซูซูกิและรัฐมนตรีต่างประเทศโทโกกำลังพิจารณาว่าจะยุติสงคราม ตามที่มีการเจรจาต่อรอง แต่รัฐมนตรีกองทัพ นายพลโคเรชิกะ อานามิ ยังมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไป แผนของอานามิคือการสู้รบขั้นแตกหักเต็มอัตราศึก
อเมริกา ได้ถอดรหัสลับของญี่ปุ่น จึงทราบดีว่า การเรียกร้องให้ยอมจำนนอย่างสิ้นเชิงโดยไม่มีเงื่อนไขจะถูกฝ่ายญี่ปุ่นมอง ว่าเป็นการคุกคามองค์จักรพรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข และเสนอทางออกแก่ฝ่ายญี่ปุ่น
วันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945
คำขาดที่ผ่านการแก้ไขแล้วได้ถูกส่งไปยังญี่ปุ่นทางคลื่นวิทยุ แต่ดูเหมือนเงื่อนไขการยอมจำนนที่อ่อนลงนี้จะก่อให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม นายกรัฐมนตรีซูซูกิประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะไม่สนใจแถลงการพ็อทสแดม เขาใช้คำว่า “โมกุซัทสึ” ซึ่งแปลว่าการฆ่าโดยไม่แยแส และนับจากวินาทีนั้น การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ระเบิดเดินทางจากซานฟรานซิสโกโดยเรือยูเอสเอส อินเดียนาโปลิส ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นเวลาสิบวัน จนไปถึงเกาะทิเนียน จากจุดนั้นจะใช้เวลาบินไปถึงญี่ปุ่นเพียงหกชั่วโมงเท่านั้น
เกาะทิเนียน คือฐานทัพอากาศใหญ่ที่สุดในโลก มีรันเวย์ขนาดใหญ่ 4 รันเวย์ เป็นที่เก็บเครื่องบิน บี-29 ซูเปอร์ฟอร์ทเตรส กว่า 500 ลำ และยังเป็นที่มั่นของหน่วยผสมที่ 509 กลุ่มคนที่จะทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ญี่ปุ่น หัวหน้าหน่วยแห่งนี้คือ นาวาเอกพอล ทิบเบ็ตส์ ซึ่งมีประสบการณ์โชกโชนในการทิ้งระเบิดต่อสู้กับเยอรมัน เขามีลูกเรือคนสำคัญสองคนคือพลเล็งเป้า ทอม เฟอเรอบี และต้นหน ดัทช์ ฟาน เคิร์ค
เย็นวันที่ 4 สิงหาคม 1945 พอล ทิบเบ็ตส์เรียกคนของเขามาประชุมกัน ภารกิจการทิ้งระเบิดถูกกำหนดไว้สำหรับคืนต่อไป วันที่เมฆเหนือประเทศญี่ปุ่นมีทีท่าว่าจะปลอดโปร่ง แต่เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นบรรดาลูกเรือบนเกาะทิเนียนต้องตื่นขึ้นมาเพราะ เสียงดังสนั่น เครื่องบินบี-29 ตกที่รันเวย์อีกครั้ง เครื่องบินตกครั้งนี้ทำให้ พอล ทิบเบ็ตส์ ในฐานะผู้บัญชาการ ตัดสินใจที่จะขับเครื่องบินโจมตีลำนี้เอง และเขาเลือกชื่อของเครื่องบินตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา
คืน นั้น ในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนออกเดินทาง มีการสรุปภารกิจให้ลูกเรือทุกคนที่กำลังจะมุ่งหน้าไปฮิโรชิมาฟังเป็นครั้ง สุดท้าย ภารกิจนี้เป็นความลับมาก ทิบเบ็ตส์ได้รับยาเม็ดฆ่าตัวตายไว้ใช้ในกรณีที่พวกเขาถูกฝ่ายญี่ปุ่นจับได้ เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์ได้รับคำสั่งให้บันทึกภารกิจประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ระเบิดลูกนี้หนักกว่าสี่ตัน ทำให้การทะยานขึ้นมีอันตรายมากกว่าปกติ หลังจากทะยานขึ้นไป 15 นาที ขณะที่เครื่องบินยังอยู่ในระดับต่ำ พาร์สันส์ก็พร้อมแล้วที่จะประกอบระเบิด พวกเขารู้ว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ภารกิจทั้งหมดล้มเหลวได้ สองชั่วโมงต่อมา เครื่องบิน อีโนล่า เกย์ สมทบกับเครื่องบินบันทึกภาพและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เวลานี้เครื่องบินทั้งหมดอยู่ห่างจากฮิโรชิมาราวสามชั่วโมง
6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เมืองฮิโรชิมา
เครื่องบินบี 29 อีกลำหนึ่งได้บินอยู่เหนือเมืองฮิโรชิมาเพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ ทำให้ประชาชนตื่นกลัวและหลบอยู่ในที่กำบัง เครื่องบินตรวจสอบสภาพอากาศรายงานผลไปยัง อีโนล่า เกย์ และเมื่อเครื่องบินตรวจสอบอากาศบินเลยไปโดยไม่มีการโจมตี ช่วงนั้นดูเหมือนภัยคุกคามจะผ่านไปแล้ว

ภาพจำลองรัศมีระเบิด ระเบิดเหนือพื้นดิน 500 เมตร พื้นดินจึงไม่เป็นหลุมบ่อ อาคารถูกกวาดไปด้วยคลื่นกระแทกจากระเบิด
แต่ต่อมาไม่นานเครื่องบิน อีโนล่า เกย์ ก็บินอยู่เหนือน่านฟ้าฮิโรชิมา ระเบิดลูกประวัติศาสตร์ถูกปล่อยออกมาหลังจากหล่นลงมา 43 วินาที กลไกที่ทำงานตามเวลาและแรงดันอากาศก็เริ่มกระบวนการจุดระเบิด กระสุนยูเรเนียมถูกยิงไปตามลำกล้องเข้าใส่ยูเรเนียมที่เป็นเป้าหมาย ยูเรเนียมทั้งสองเริ่มทำปฏิกิริยาลูกโซ่ อณูของแข็งเริ่มแตกตัวและปล่อยพลังงานออกมาในปริมาณมหาศาล

ระเบิด ปล่อยอานุภาพทำลายล้างออกมาทีละขั้น ประกายไฟที่ออกมาจากลูกไฟยักษ์ที่กว้างถึง 300 เมตรทำให้อุณหภูมิที่อยู่ด้านล่างลูกไฟนั้นสูงถึง 4,000 องศาเซลเซียส รังสีความร้อนหลอมละลายทุกอย่างที่อยู่ในที่โล่งถ้าไม่ระเหยกลายเป็นไอ ก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที ปฏิบัติการของทหารอเมริกันครั้งนั้นคร่าชีวิตคนไปราว 200,000 คน และเป็นการยุติสงครามโดยสิ้นเชิง …
แบบจำลองเมืองก่อนระเบิด
แบบจำลองเมืองหลังระเบิด
ซาดาโกะ กับ นกกระเรียน 1000 ตัว
(นำมาจากเวบบอร์ด Narak.com)
เมื่อ เด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิ ได้รับพิษจากการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐที่ถล่มเมืองฮิโรชิม่า เมื่อ 6 สิงหาคม 2489 หรือปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ตอนที่เกิดระเบิด นั้นเด็กหญิงซาดาโกะไม่ได้เกิดอาการเจ็บป่วยในทันที แต่ 11 ปี หลังจากนั้น ในปี 2498 วันที่ซาดาโกะแข่งขันวิ่งผลัดที่โรงเรียน ทำให้เด็กหญิงเหน็ดเหนื่อยและปวดศีรษะอย่างรุนแรง และจากนั้นก็เริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นสลบในชั้นเรียน
พอพ่อแม่ ซาดาโกะรู้ จึงพาไปหาหมอ และพบกับความจริงที่สะเทือนใจว่า ซาดาโกะป่วยเป็นลูคิเมียหรือมะเร็งในเม็ดเลือด ซึ่งเป็นโรคที่คนสมัยนั้นเป็นกันมาก เพราะถูกปรมาณูในสงครามโลก
สำหรับ ซาดาโกะเมื่อทราบชะตาชีวิตตัวเองก็โศกเศร้าร้องไห้ตลอดเวลา เพราะอยากออกจากโรงพยาบาลและกลับไปโรงเรียน แต่ทำไม่ได้ กระทั่งชิซูโกะเพื่อนรักของซาดาโกะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลและนำโอริกามิหรือ กระดาษพับมาให้ พร้อมทั้งเล่าตำนาน “ซูรุ” หรือนกกระเรียนให้ซาดาโกะฟัง
โดย คนญี่ปุ่นถือว่า ซูรุ เป็นนกศักดิ์สิทธิ์และสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาว ความหวัง ความโชคดีและความสุข นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความเจ็บป่วยได้ด้วย ถ้าใครสามารถพับนกกระเรียนได้ถึง 1,000 ตัว แล้วผู้นั้นจะมีอาการดีขึ้น
เมื่อ ได้ฟังดังนั้นซาดาโกะก็เลยตัดสินใจที่จะพับนกพร้อมกับเขียนคำว่า สันติภาพลงบนปีกนกด้วย เพื่อให้มันบินไปได้ทั่วโลก หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวและเพื่อนๆก็พากันช่วยซาดาโกะพับนกกระเรียน เมื่อครบ 500 ตัว ซาดาโกะอาการดีขึ้นและได้รับอนุญาตจากคุณหมอให้กลับไปอยู่ที่บ้าน
ระหว่าง นั้นเด็กหญิงไม่เคยหยุดที่จะพับนกเลย แต่หลังจากกลับไปอยู่บ้านไม่นาน อาการของซาดาโกะก็เริ่มกำเริบขึ้นอีกจนต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดซาดาโกะก็จากครอบครัวไปอย่างสงบ ในขณะที่พับนกได้เพียง 644 ตัว
หลัง การเสียชีวิตของซาดาโกะ เพื่อนๆ ที่โศกเศร้าต่อการจากไปของเธอร่วมกันพับนกกระเรียนที่เหลือจนครบ 1,000 ตัว และใส่ไปในโลงศพของเธอด้วย นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งสมาคมนกกระเรียนเพื่อรำลึกถึงซาดาโกะอีกด้วย
เมื่อ เรื่องของซาดาโกะแพร่หลายออกไป ได้มีการบริจาคเงินสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงซาดาโกะและเด็กๆ อีกหลายคนที่เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู และตั้งที่ใจกลางสวนสาธารณะสันติภาพฮิโรชิม่า โดยอนุสาวรีย์นี้เป็นรูปของซาดาโกะกำลังยืนและยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปบน ฟ้า ที่มือของเธอถือนกกระเรียนสีทองไว้ด้วย
วัน ที่ 6 สิงหาคม ของทุกปี ที่เมืองฮิโรชิมาจะมีพิธีรำลึกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่ถูกลืมและไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง และเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เทียนนับพันๆ เล่มจะถูกจุดขึ้น และปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ เทียนแต่ละเล่มแทนดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูลูกนี้
                                              นาฬิกาข้อมือที่ค้นพบในซากปรักหักพัก 
                                      หยุดเดินบันทึกเวลาระเบิดเอาไว้ เวลา 8 นาฬิกา 15 นาที

A-bomb Dome เป็นซากปรักจากการทิ้งระเบิด เขาจงใจอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นความทรงจำแห่งการทิ้งระเบิดปรมาณูครั้งแรกของโลก ซึ่งแต่เดิมเป็น Hiroshima Prefectural Products EXHIBITION Hall เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งของ Hiroshima
วัน ที่ 6 สิงหาคม ของทุกปี ที่เมืองฮิโรชิมาจะมีพิธีรำลึกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่ถูกลืมและไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง และเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เทียนนับพันๆ เล่มจะถูกจุดขึ้น และปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ เทียนแต่ละเล่มแทนดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูลูกนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น