___________________________________________
"กลับมาปัญหายิว-อิสลาม"
ถาม : "-ทำไมเราถึงเห็นแต่ข่าวแย่ๆของพวกมุสลิมทางสื่อโทรทัศน์ได้ไม่เว้นแต่ละวัน?"
ตอบ : ก็เพราะยิวคุมสื่อสารมวลชนของโลกไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดการประชาสัมพันธ์2 ด้านพร้อมๆกันของสื่อมวลชนโลกจึง 1. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ทางซีกของชาวยิวหรือกลุ่มคนผู้ถือหางยิวและ 2. โยนภาพลักษณ์ร้ายๆให้ผู้คนทางซีกของโลกอิสลาม
คุณลองนึกถึงคนยิวบนเวทีโลกนะ ภาพลักษณ์แต่ละคนดีๆทั้งนั้น ไม่ว่า เฮนรี่ อัลเฟรด คิสซิงเจอร์ ยิวที่เกิดในเยอรมนีอพยพมาอยู่ในสหรัฐฯเมื่อพ.ศ.2481 แมดาลีน อัลไบรท์ ยิวที่เกิดในกรุงปรากประเทศเชคโกสโลวาเกีย ภายหลังอพยพมาอยู่ในอังกฤษและสหรัฐฯ
อลัน กรีนสแปน ผู้ว่าการธนาคารกลางของสหรัฐฯซึ่งครองตำแหน่งสำคัญทางการเงิน การธนาคารของสหรัฐฯตั้งแต่สมัยที่นาย เรแกน เป็นประธานาธิบดีและครองติดต่อกันยาวนานมาเรื่อยจนกระทั่งถึง ยุค บุช ผู้พ่อ ตามด้วยยุคของ คลินตัน อีก 8 ปีถึงแม้ว่า บุชผู้ลูก เป็นประธานาธิบดีก็ยังใช้ กรีนสแปน เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของสหรัฐฯเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ
ห้วงช่วง 4-5 ปีมานี้คุณคงจะสังเกตนะว่าชื่อของ พอล ครุกแมน เด่นมากในด้านเศรษฐศาสตร์สื่อสารมวลชนต่างๆ ต่างให้สมญา ครุกแมน ว่าเป็น นอสตราดามุส แห่งโลกเศรษฐศาสตร์ท่านผู้นี้ก็เป็นยิวของแท้100% ที่เกิดในนิวยอร์กเมื่อ พ.ศ.2496
ลองดูรายชื่อยิวรายอื่นๆนะ "สตีเวน สปีลเบิร์ก", "ดัสติน ฮอฟแมน", "พอล นิวแมน", "เคิร์ก ดักลาส", "แฮร์ริสัน ฟอร์ด", "บรูซ วิลลิส", "ริชาร์ด เกียร์" ฯลฯ
"สตีเวน สปีลเบิร์ก"เกิดในโรงพยาบาลยิวมาจากครอบครัวยิวที่เคร่งครัดมากคนหนึ่ง คุณลองสังเกตดารานักแสดงในหนังของสปีลเบิร์กส่วนใหญ่จะใช้ดารายิวแทบทั้งนั้นหรือแม้แต่การเลือกสร้างภาพยนตร์ ก็จะสร้างภาพยนตร์ที่ให้คนทั้งโลกเห็นใจยิวอย่างภาพยนตร์เรื่อง "Schindler's list" ที่ได้รับรางวัลเยอะแยะเป็นหนังที่ใครดูแล้วยากที่จะไม่หลั่งนํ้าตาให้ยิวที่ถูกพวกนาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่2
จากหนังสือ“เพาเวอร์ยิว”ทราบว่าเดิมเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัท "เดอะวอลท์ ดิสนีย์" Walt Disney Company คือ"นายวอลท์ ดิสนีย์"ท่านผู้นี้ไม่ใช่ชาวยิวแถมยังเป็นอเมริกันที่เกลียดยิวอย่างเข้ากระดูกดำซะอีก หนังในสมัยที่ วอลท์ดิสนีย์บริหาร มีแต่การ์ตูนดีๆที่สร้างจินตนาการให้เยาวชนอย่างสโนไวท์กับเจ้าหนูมิกกี้
พ.ศ.2527 นายไมเคิล ไอสเนอร์ชาวยิว ซื้อกิจการวอลท์ดิสนีย์ ยิวคนนี้ก็ขยายกิจการของบริษัทไปสู่ความบันเทิงเริงรมย์และเรื่องของความรุนแรงจากนั้นก็ขยายเครือข่ายต่อไปยังธุรกิจอีกกหลายอย่างเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ดังๆทั้ง Touchstone Television และ Buena Television แถมยังเป็นเจ้าของเคเบิลทีวีที่มีสมาชิกอีก 14 ล้านรวมถึงผลิตวีดิโออีก 2 แห่งจนถึง พ.ศ.2535 นายไมเคิลไอสเนอร์ ก็เข้าไปซื้อABC Television Network ซึ่งเป็นเครือข่ายโทรทัศน์ก็คลุมไปทั้งนิวยอร์กชิคาโก ฟิลาเดลเฟียลอสแอนเจลิส และฮิวส์ตันนอกจากนั้น ยังขยายเครือข่ายโทรทัศน์ไปอีกหลายแห่งทั่วยุโรป
หน้า 124 ของหนังสือเพาเวอร์ยิวเขียนว่า“การซื้อ ABC จึงเท่ากับว่าดิสนีย์กุมเครือข่ายระดับยักษ์เอาไว้ในมือเลยทีเดียวทั้งนี้ ยังไม่นับถึงการเป็นเจ้าของคลื่นวิทยุอีกหลายคลื่น นอกจากนั้นยังกุมนิตยสารผู้หญิงและนิตยสารรถยนต์ไว้อีกหลายชื่อหัว
ABC เป็นเจ้าของLifetime Television และ Arts & Enter-tainment Network ซึ่งวัยรุ่นรู้จักกันในนามเคเบิลA&E ที่เด็ดยิ่งกว่านั้นคือ ABC เป็นบริษัทแม่ของESPN ที่คอกีฬาทั้งหลายรู้จักกันดีคนที่บริหารช่องกีฬานี้เป็นยิวมีชื่อว่าสตีเฟน บอร์นสไตน์
โทรทัศน์เป็นสื่อที่เข้าถึงทุกครัวเรือนง่ายและราคาถูกดังนั้น การครอบครองESPN ได้ ก็เท่ากับครองใจคนดูกีฬาทั่วโลกและการเป็นเจ้าของA&E ได้ ก็เท่ากับว่าดิสนีย์เป็นเจ้าของรสนิยมความบันเทิงของวัยรุ่นทั่วโลกมิหนำซ้ำ ยังเป็นช่องทางในการโปรโมตหนังของดิสนีย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย...”
“...เรียกได้เต็มปากว่าดิสนีย์มีเจ้าของเป็นยิวและคนที่บุกเบิกความยิ่งใหญ่ในวงการหนังให้กับดิสนีย์ก็เป็นยิวทั้งนี้บริษัทในเครือภายใต้กลุ่มทำหนังของดิสนีย์ก็อย่างเช่น Touchstone Pictures, Holly-wood Pictures, Caravan Pictures และMiramax Films...”
ที่มา:https://sites.google.com/site/jewsheaven/home/yiw-chlad-thisud-ni-lok
#ยิว #อิสลาม #มุสลิม #สงคราม #ศาสนา #ประวัติศาสตร์ #jew #islam #muslim #war #religion #in_fact
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น