Translate

โลกเราตอนนี้มันได้ตกเป็นทาสของระบบทุนนิยม หรือ illuminati ไปแล้วโดยปริยาย (ในกุเกิ้ลมีให้อ่านเพียบ หาอ่านเอา)

และรู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้วกลุ่มคนชนชาติที่เรียกว่า คนไท(พวกเรานี่แหละ) ไม่ได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ มันคือชื่อที่กลุ่มผู้มีอำนาจในอดีตอุปโหลกขึ้นมาเพื่อเป้าหมายแอบแฝงบางอย่าง และเราก็หนับหนุนนะกับทฤษฏีนี้เพราะ เราเองก็ไม่ใช่คนไทย คือพี่เป็น ชนชาติล้านนา เน่อจ้าว บ่แม่น ชนชาติไทย ที่ก็งงอยู่ว่าโครตเหง้าคนไหนส่งทอดให้มา คือมันไม่มี จบป่ะ แม่งให้กุเสียเวลาแหกตาตื่นตั้งแต่6-7โมงเช้าเพื่อเมาขี้ตาหิ้วปิ่นโตแบกกระบอกน้ำหนักก็หนักลากไปโรงเรียนเพื่อเรียนข้อมูลความรู้ปลอมๆ เพื่อ...? อ่อ เพื่อจะได้เติบโตมีชีวิตขึ้นเป็นเพียงแค่ตัวหมากตัวหนึ่งไว้ให้พวกมันใช้เดินเกมในการก้าวไปสู่มหาอำนาจของโลกไว้ในมือแต่เพียงผู้เดียว โถ...ไอ้ฝรั่งหัวดอ.....

ชาวเรือไวกิ้ง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไวกิ้ง
ไวกิ้งที่เราได้เห็นภาพยนตร์หลายเรื่องนั้น ส่วนใหญ่มักตัวใหญ่น่ากลัวสวมหมวกขนสัตว์ โหดร้ายป่าเถื่อนชอบปล้นทรัพย์ ฆ่าและข่มขืนหญิงชาวบ้าน อีกทั้งตัวสกปรก ไร้สมอง เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของยุโรปอย่างแท้จริง นี้คือความรู้ที่ผิด จากการศึกษาประวัติศาสตร์พบว่าไวกิ้งไม่โหดร้ายอย่างที่คุณคิด ไวกิ้งไม่ใช่นักรบอย่างเดียว หากแต่เป็นพ่อค้าและนักตั้งถิ่นฐานที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนายุโรปกลาง พวกเขาอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง ในวันเสาร์เท่านั้น (อย่าลืมว่าอากาศยุโรปมันหนาว) ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่พวกเขาสูงแค่ 170 ซม. ซึ่งไม่สูงอย่างที่เราเข้าใจกัน ผมและหนวดสีทองที่เราเห็นในภาพยนตร์เป็นเพียงอุดมคติความเชื่อในวัฒนธรรมไวกิ้ง ที่ใช้สบู่พิเศษในการแต่งไม่ใช่เป็นมาตั้งแต่เกิด อีกทั้งพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในเฉพาะสแกนดิเนเวีย พวกเขาอพยพไปหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย, แอฟริกา หรือแม้แต่อเมริกาเหนือ ส่วนพฤติกรรมที่ฆ่าและข่มขืนปล้นทรัพย์นั้นเป็นส่วนน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่เชื่อถือได้คือพวกนักบวชในยุโรปไม่ชอบพวกนี้เท่าไหร่ เนื่องจากครั้งหนึ่งพวกไวกิ้งเคยทำลายวัดและฆ่าพวกบาทหลวงหลายคน (ภายหลังไวกิ้งก็เข้ารีตเป็นคริสต์ศาสนิกชน)

คนงานก่อสร้างมหาพีระมิดคือใคร?

รู้หรือไม่ว่า....
แรงงานที่สร้างพีระมิดไม่ใช่ทาส?
จากที่เราอ่านประวัติศาสตร์เรามักเห็นฉากแรงงานสร้างพีระมิด โดยหนังสือบอกว่าพวกเขาเป็นทาสและมีคนโบยแส้ที่ด้านหลังใช่หรือไม่ หากแต่ปัจจุบันความคิดนี้ต้องเปลี่ยนไป เมื่อนักโบราณคดีค้นพบสุสานในอียิปต์ ซึ่งช่วยพิสูจน์ว่าแรงงานที่ช่วยกันสร้างพีระมิดนั้นไม่ใช่ทาสอย่างที่เคยเข้าใจ แต่เป็นคนที่ได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี มีการจ่ายค่าแรงรวมถึงมีการจัดอาหารให้รับประทาน 3 มื้อต่อวัน อีกทั้งการสร้างสุสานใกล้กับที่ฝังศพของกษัตริย์ แสดงให้เห็นว่าแรงงานเหล่านี้ไม่ใช่ทาสแต่อย่างใด โดยคาดว่าแรงงานเหล่านั้นน่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ผู้มีความเชื่อว่าสิ่งที่ตนกำลังทำนั้น มีส่วนช่วยให้องค์ฟาโรห์ได้ไปจุติบนสวรรค์ และเมื่อถึงเวลาที่ตนจะจากโลกนี้ไปบ้าง เทพฟาโรห์ก็จะได้พิทักษ์ปกป้องตนต่อไป

"เธอคือโป๊บ" (Pope Joan)

รู้หรือไม่ว่า........ภาพยนตร์เรื่อง "เธอคือโป๊บ" (Pope Joan) ที่สร้างจากเค้าโครงในตำนาน (โดยเนื้อเรื่องเอามาจากนิยายอีกที) เป็นเรื่องราวในตำนานของหญิงสาวที่แต่งตัวเป็นพระชายและไปกรุงโรมเพื่อศึกษา ในที่สุดเธอก็ได้เป็นพระสันตะปาปา แต่เธอคลอดบุตรในขณะกำลังขึ้นม้า ภาพยนตร์เรื่องนี้โดนแบนจากหลายประเทศ (ยกเว้นไทย) เพราะว่าเนื้อหาค่อนข้างหมิ่นศาสนามาก หนังพยายามบอกว่าเรื่องพระสันตะปาปาหญิงนั้นเป็นเรื่องจริง หากแต่ปัจจุบันเรื่องราวของพระสันตะปาปาหญิงโจนยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า มีตัวตนจริง ๆ หรือไม่ โดยตำนานกล่าวว่าพระสันตะปาปาหญิงโจนมี ชื่อเดิมคือโจฮานนา แองลิกัส โดยใช้ชื่อผู้ชายว่าจอห์น เกิดที่ไมนส์ เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปวิทยาหลากหลายแขนง จนไม่มีผู้ทัดเทียม และภายหลังเธอเดินทางไปโรม ก็เปิดสอนวิชาศิลปศาสตร์จนเป็นที่เคารพรักแก่บรรดาศิษย์ จากนั้นก็ลงเล่นการเมืองและถูกเลือกโดยพระสันตะปาปา ในขณะที่เธอเป็นพระสันตะปาปา เธอตั้งครรภ์กับคนรักของเธอ โดยไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงกำหนดคลอด เธอให้กำเนิดทารกเพศชาย และโดยการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมของกรุงโรม เธอต้องโดนลงโทษโดยการผูกติดกับขาม้าแล้วก็ถูกลากไป และโดนปาก้อนหินโดยประชาชนครึ่งหนึ่ง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าสถานที่ที่ฝังเธอเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ อาจจะเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่า เธอเป็นผู้หญิง หรือมาจากความอ่อนของหลักฐานเองก็ตาม และเรื่องราวของเธอถูกเขียนโดย มาร์ตินแห่งโอปาวา แต่กระนั้นนักประวัติศาสตร์ และผู้เคร่งศาสนา ต่างไม่เชื่อว่า พระสันตะปาปาหญิงโจนจะมีตัวตนจริง ๆ มันเป็นเพียงเรื่องโกหกและเป็นตำนานลอย ๆ เท่านั้น สาเหตุเพราะเรื่องนี้ไม่มีการถูกค้นพบในเอกสารใด ๆ ที่น่าจะเชื่อถือได้

ที่มาของหลอดไฟ

รู้หรือไม่ว่า....
โทมัส อัลวา เอดิสัน ไม่ใช่คนประดิษฐ์หลอดไฟคนแรกของโลก
ในความเป็นจริงแล้ว โทมัส อัลวา เอดิสัน ไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าตามที่คนทั่วไปเข้าใจแต่อย่างใด หลักการของหลอดไฟฟ้าถูกพัฒนามาก่อนหน้านี้โดยนักประดิษฐ์หลายท่าน เช่น จูเซ็ปป์ สวอน หรือไฮน์ริช เกอเบิล อย่างไรก็ตามเอดิสันได้คำนึงถึงการนำหลอดไฟฟ้าไปใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง โดยเอดิสันได้ทำให้อายุการใช้งานของหลอดไฟฟ้ายาวนานพอที่จะนำไปใช้ได้อย่างสะดวกสบายในบ้านเรือนหรือร้านค้า นอกจากนั้นเอดิสันยังได้สร้างระบบผลิตและแจกจ่ายไฟฟ้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเอดิสันอีกว่า สิ่งประดิษฐ์ภายใต้ชื่อของเขาและจดสิทธิบัตร มีจำนวนถึง 1,093 ชิ้น ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง แต่เป็นการพัฒนาจากสิ่งประดิษฐ์ดั้งเดิมที่คิดค้นขึ้นโดยลูกจ้างของเขา เพราะเหตุนี้ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ ในเรื่องการอ้างผลงานเป็นของตัวแต่ผู้เดียว โดยไม่แบ่งปันให้กับผู้คิดค้นดั้งเดิม

ประวัติศาสตร์ที่ขาดหาย

ประวัติศาสตร์ที่ขาดหาย

ทำไมยะไข่-พม่าจึงเกลียดชังมุสลิมมาก ให้เราไปดูประวัติศาตร์ในอินเดียที่ชาวอิสลามฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวพุทธอย่างโหดเหี้ยม ในดินแดนพุทธเจ้าในอินเดียจนที่สุด ศตวรรษที่17 กองทัพมุสลิมก็ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวพุทธในอินเดียอย่างโหดเหี้ยมจนสูญสิ้นหมด และรื้อทำลายพุทธสถาน เช่นเจดีย์เอาไปทำสะพาน-และบรรไดลงท่าน้ำหลายแห่งในประเทศ  คนไทยไม่เคยเอาประวัติศาสตร์เรื่องนี้มาเรียนรู้ cr.Rush b-kvintage 


ประวัติศาสตร์หมุนกลับไปจุดเดิมเสมอ คนกลุ่มน้อยอพยพหนีภัยสงครามมายังดินแดนใหม่ เพื่อการมีชีวิต ซึ่งหนึ่งแหล่งอพยพหนึ่งในขณะนี้ ก็คือ เขตแดนของประเทศไทย ที่มีเจ้าของคือคนสัญชาติไทยถือครองอยู่ การผสมพันธุ์ จึงเกิดขึ้น สืบลูกสืบหลานต่อไป กลายเป็นลูกครึ่งสัญชาติไทย บนดินแดนในขณะนี้เรียกว่าประเทศไทย ผมได้ฟังอาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ แล้วสะท้อนอย่างหนึ่งว่า สัญชาติไทยเกิดจากลูกผสม จีน ขอม มอญ ลาว พม่า ญวน แขก ฝรั่ง แล้วผู้ปกครองมารวบรวม เรียกขึ้นใหม่ ว่า สยาม และกลายเป็นประเทศไทยในที่สุดอันนั้นเรื่องหนึ่ง
แต่มีคำถามเรื่อง มุมมองการรับผู้อพยพคราวนี้ จะสร้างสงครามชายแดนขึ้นต่อไปในอนคตหรือไม่? เพราะจากประวัติศาสตร์สาเหตุที่อยุธยา รบกับพม่า ก็เพราะการรับผู้อพยพซึ่งเปนศัตรูของผู้ปกครองพม่าในสมัยนั้นนั่นแหละ จึงเป็นชนวนสงครามต่อเนื่องมาของกษัตริย์อยุธยา


ยุคมืด (Dark age) หมายถึงช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ระหว่างพุ­ทธศตวรรษที่ 18-19 ไม่เกี่ยวกับการเมืองในปัจจุบันโปรดอย่าเข­้าใจผิด 
- บายน (Bayon) เป็นชื่อยุคสมัยทางศิลปะได้จากปราสาทหลังห­นึ่งที่สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งกัมพูชา ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.1724-1762/3 สมัยหลังจากนั้นเรียกว่า "หลังบายน"

เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงที่มาของการจัดงาน­เสวนา “ยุคมืดของประวัติศาสตร์ไทย: หลังบายน พุทธเถรวาท การเข้ามาของคนไท” 
โดย อ.พิพัฒน์ กระแจะจันทร์

9.15-10.00 น. 
บรรยายเรื่อง “ท่ามกลางยุคมืด ยุคสมัยก่อนพระเจ้าอู่ทอง” (ชื่อยังไม่แน่นอน)
โดย คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ 

10.15-11.45 น. 
บรรยายเรื่อง "ไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยา: การสัมผัสภาษาหลากเผ่าพันธุ์" 
โดย รศ.สุวัฒนา เลี่ยมประวัติ 
คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร
ดำเนินรายการโดย ผศ.พรทิพย์ เฉิดฉินนภา

11.15-12.15 น. 
บรรยายเรื่อง "เติมเต็มช่องว่างของประวัติศาสตร์ไท­ย: หลักฐานจากยุคมืด"
โดย อาจารย์ ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล 



“Learning By Doing” (เรียนรู้ด้วยตัวเอง)

       ตั้งแต่เมื่อคุณได้ถือกำเนิดเกิดมาบนโลกใบนี้ คุณเคยรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆมากมายที่อยู่รายรอบตัวคุณเองบ้างไหม? คุณเคยตั้งคำถามในสิ่งที่คุณอาจจะไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น หรือไม่เข้าใจในสิ่งนั้นๆ แล้วคุณเคยลองหาคำตอบให้กับคำถามมากมายเหล่านั้นของคุณดูบ้างหรือเปล่า? หาคำตอบที่เป็นความจริงด้วยตัวคุณเอง ไม่ใช่การรับมาจากสื่อหรือจากคำบอกเล่าปากต่อปาก เช่น... เขาว่ากันว่า...บลา บลา บลา อะไรประมาณนั้นดูบ้างหรือยัง?   
 ฉันเรียกทฤษฏีนี้ว่า “Learning by Doing” (เรียนรู้ด้วยตัวเอง)

        ฉันก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อาจจะโชคดีกว่าเด็กคนอื่นๆก็ตรงที่ฉันได้รับอิสระในการมีชีวิตในทุกๆด้าน มันคือรากฐานที่แข็งแกร่งจากครอบครัวในวัยเด็กช่วง12ปีแรกของฉันเอง 
มันคือการปูพื้นที่เข้มแข็งและทนทาน ซีเมนต์ก็ยังต้องอาย 555 นี่แหละคือสมบัติที่ล้ำค่าที่หลงเหลือไว้ให้ฉันเพียงอย่างเดียว เมื่อแขกที่ได้รับเชิิญที่ชื่อว่า " อีล้มละลาย " ได้เข้ามาเยี่ยมครอบครัวฉัน 
     แต่ฉันก็ยังคิดเสมอว่าฉันโชคดีแล้วที่ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่แรกเกิด ฉันโชคดีที่ได้เติบโตมาในสังคมและสภาพแวดล้อมที่มนุษย์โลกขณะนั้นยังดำเนินชีวิตอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงกันอยู่(ซึ่งหาได้ยากมากมายกับวิถีชีวิตในโลกปัจจุบันนี้ (ค.ศ.2015 / พ.ศ.2558) แต่ที่โชคดียิ่งกว่าก็คือ..ฉันได้รับอิสระในการเลือกรับ รู้ ดู เห็น ฟัง แม้กระทั่งอำนาจในการตัดสินใจในทุกๆปัญหาที่เข้ามาในชีวิตได้เอง ฉันมีสิทธิ์ในการเลือกที่จะรับหรือไม่รับ จะเรียนหรือไม่เรียน แม่กระทั่งจะเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งต่างๆ ได้อย่างที่ใจฉันต้องการ พ่อและแม่ไม่เคยบังคับตั้งแต่เล็กจนโต บางทีพวกเขาคงจะมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวฉัน(รัศมีอำมหิต555) และสิ่งนั้นมันก็คงจะมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจไร้กังวลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่จะกำลังจะมาในอนาคต นั่นก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าฉันจะสามารถเอาตัวรอดและยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยลำพัง บนโลกที่โหดร้ายใบนี้อย่างแน่นอน  และสิ่งต่างๆที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตฉันนี่แหละที่คอยหล่อหลอมให้ฉันยังเป็นฉัน เป็นคนที่ยึดมั่นและหนักแน่นในอุดมการณ์&ความเชื่อของตัวเองไม่มีเสื่อมคลาย ประสบการณ์ชีวิตที่เราได้ผ่านพ้นมามันมีีค่า ทั่ี่ไม่ว่าสถาบันการศึกษาชั้นนำบนโลกนี้รวมกันทั้งหมดแล้วก็ยังไม่อาจจะเทียบได้กับประสบการณ์ชีวิตเพียงเศษเสี้ยวของทั้งหมดที่ได้เคยผ่านพบมา  ขอบคุณพ่อกับแม่นะ ที่แม้จะไม่เคยมีคำพูดดีๆ เลิศหรูมาคอยพร่ำสอนเลย แต่กลับตรงกันข้าม คือทำทุกอย่างให้เราได้รู้ได้เห็น ไม่เคยปิดกั้นการเรียนรู้จากการมองเห็นไม่พอ ยังสอนให้เราช่วยแพ็คห่อกัญชาสำหรับไว้ขายอีกด้วย คือตั้งแต่จำความได้ก็คลุกคลีอยู่กับชีวิตแบบนี้แล้ว มันคือวิถีแห่งชีวิตด้านมืด ที่ไม่ว่าจะสังคมไหนหรือในยุคใดใดก็ตามมักจะเลือกมราจะปิดบังซ่อนเร้น ปกปิดมันไว้ให้ห่างไกลจากเด็กที่ไร้เดียงสา โดยเฉพาะกับเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเรียนรู้ (ความจำแม่งดีชิบหายยย555)
     แต่ทุกวันี้ฉันก็ยังสงสัยอยู่ลึกๆในใจว่า แท้จริงแล้ว เด็กทุกคนต้องไร้เดียงสาเหรอ?  หรือหากใช่ แล้วอายุเท่าไหร่ล่ะ ถึงจะพ้นจากวัยที่เรียกว่า ไร้เดียงสา นี้?  (และฉันก็จะต้องพิสูจน์ทฤษฏี “ความไร้เดียงสา” นี้ต่อไปในอนาคตย่างแน่นอน)
 ใครหนอที่เปรียบเด็กไว้ว่าบริสุทธิ์ดุจดังผ้าขาว แต่คุณอาจจะลืมสัจจะธรรมอะไรในชีวิตบางอย่างไปหรือเปล่า? สัจจธรรมที่ว่า...
”แท้จริงแล้วเราต่างก็เกิดมาเพื่อเรียนรู้ ในสื่งที่ต่างๆที่เราไม่เข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจ แต่ไม่อยากจะยอมรับ หรืออาจจะเข้าใจแบบผิดๆ พระผู้เป็นเจ้าจึงมอบโอกาสอันมีค่าแก่เรา บางศาสนาอาจจะแทนตัวเองว่า เป็นบ่าวของพระองค์ เป็นสาวก เป็นลูกเป็นหลาน หรือแตกต่างกันออกไปตามหลักความเชื่อในศาสนาของตน เป้าหมายก็คือต้องการให้เราได้แก้ไขเรื่องราวที่พวกเราได้เคยผิดพลาดมาในอดีตทั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือเคยเกิดขึ้นมานานหลายภพหลายชาติแล้ว แก้ไขสิ่งที่ผิด ดำเนินชีวิตในแบบที่ถูกโดยมีพื้นฐานของความดีและชั่วเป็นหลักยึดมั่นและควรปฏิบัติ”
         ขอบคุณ พรสวรรค์แต่ฉันคิดว่าน่าจะเป็น “ของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้าหรือพระผู้ทรงสร้าง มากว่า ที่มอบเอาไว้ให้ติดกายตั้งแต่เกิดเพื่อเป็นอาวุธไว้ใช้ต่อสู้และอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้  กับไอ้นิสัยชอบเดา ชอบคาดคะเน และมักจะใช้ผลจากความรู้สึกที่ว่า มันน่าจะเป็น แทนคำตอบในกระดาษข้อสอบของฉันแทนคำตอบที่ฉันไม่รู้ และมันก็มักจะถูกต้องเสมอ อย่างน้อยก็ 99% แหละนะ อิอิ   

        และฉันก็ได้ยึดเอาหลักการนี้เป็นเครื่องมือช่วยนำทางชีวิตฝ่าฟันวิกฤติ หลังจาก12ปีที่ช่างสมบูรณ์กำลังจะผ่านพ้นชีวิตฉันไป...... ตลอดกาล....                                                           /// ( อ่านต่อวันหลัง....... ) \\\
❁ ทนตะวันสีชมพู   

สังคม/การเมืองไทยและตระกูลบุนนาค Thai society,political and clan BUNNAG

สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าห่วงใย การเมืองไทยไม่พัฒนาไปถึงไหน 35 ปีหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มาไม่มีอะไรดีขึ้น เรามีนักการเมืองที่เลว ซื้อเสียง ปลอมวุฒิการศึกษา  คดโกง ทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นนักการเมืองน้ำเน่า พรรคการเมืองที่แสวงหาประโยชน์ เรามีตำรวจเลวเต็มบ้าน เต็มเมืองเรียกรับ เก็บส่วยกันเต็มบ้านเต็มเมือง ปล่อยให้มีการจาบจ้วงล่วงเกินสถาบันกษัตริย์ ปล่อยปละละเลยจัดการกับพวกดูหมิ่นดูแคลนสถาบันเบื้ยงสูง..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/217565

Quotes✿*゚¨゚✎ คำคมและคติเตือนใจ

              If you don't like something, Change it. 
         If you can't change it, Change the way you think about it. 
                        หากคุณไม่ชอบในสิ่งใดก็จงเปลี่ยนมัน 
             แต่หากคุณไม่สามารถที่จะเปลี่ยนมัน ก็จงเปลี่ยนที่วิธีคิดของคุณ


You may have my body and my soul, 
But you will never touch my PRIDE ! 
เพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอ

Never look for a good face, it will turn old one day.
Never look for a good skin, it will winkle one day.
Never look for a nice hair,it will turn white one day.
Instead , look for a loyal heart. That will love you everyday.
อย่ามองหาแต่คนที่หน้าตาดี เพราะวันหนึ่งก็จะต้องแก่
อย่ามองหาแต่คนที่ผิวพรรณภายนอกขาวสะอาด เพราะวันหนึ่งก็จะต้องร่วงโรย
อย่ามองหาแต่คนที่ผมยาวสลวยสวยเก๋ เพราะวันหนึ่งมันก็จะต้องขาวหงอก
แต่จงมองหาคนที่ซื่อสัตย์ นั่นแหละที่จะรักคุณทุกวัน 

Because of your selfishness, you lose me. 
Because of your pride, i found someone new.
เพราะด้วยความเห็นแก่ตัวของเธอ เธอจึงต้องเสียฉันไป
เพราะด้วยศักดิ์ศรีของเธอ ฉันจึงได้เจอคนใหม่ 
































NEVER MET YOU

 I wish that I had NEVER MET YOU
Then there would be no need to impress you.
No need to want you.
No need for loving you.
No need for crying over you.
No need for heartbreaks.
No need for pain or tears.
No need for forgotten promises.
No need for rejected hugs.
No need for acting like you care.

No need for everything’s you’ve done to make me feel like absolutely nothing.  

เสียเวลา 6 นาที ฟังเด็กคนนี้พูดไว้เมื่อปี 1992 #อยากให้ทุกคนดู #UN #world by THE DIPPER on Socialcam

The 12 years old girl  that silenced  
     the world for 6 minutes!  
        ( เสียเวลา 6 นาที ฟังเด็กคนนี้พูดไว้เมื่อปี 1992 )
 สวัสดีค่ะ ดิฉันเซเวอร์น ซูซูกิ ตัวแทนจาก ECO องค์กรเด็กพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
เราคือกลุ่มเด็กอายุ12-13ปีที่พยายามจะสร้างความแตกต่าง วาเนสซ่า ซัทตี้,
 มอร์แกน ไกส์เลอร์, มิเชล เควก และตัวดิฉัน เราทุ่มเงินทั้งหมดของเราเพื่อมาที่นี่ด้วยตัวเอง นั่งเครื่องบินมากว่า5000ไมล์ เพื่อมาบอกว่าพวกคุณควรเปลี่ยนแนวทางที่เป็นอยู่ ที่ฉันขึ้นมาพูดวันนี้ฉันไม่ได้ต้องการผลประโยชน์กับตัวดิฉันทั้งสิ้น ฉันจะมาต่อสู้เพื่ออนาคตของฉัน สูญเสียอนาคต มันไม่เหมือนกับการแพ้การเลือกตั้งหรือการเสียหุ้นบางจุดในตลาดหุ้น ฉันมาพูดที่นี่ก็เพื่อลูกหลานรุ่นต่อๆไปของเรา ฉันมาที่นี่เพื่อพูดแทนเด็กๆที่ยากลำบากทั่วโลกที่ต้องร้องไห้โหยหวนและเจ็บปวด ฉันมาพูดแทนสัตว์นับไม่ถ้วนที่ตายทั่วโลก เพราะพวกมันไม่มีที่จะให้ไปแล้ว ฉันกลัวที่จะออกไปสู้กับพระอาทิตย์แล้วตอนนี้ เพราะว่ามันมีช่องโหว่ในชั้นโอโซนของเรา
ฉันกลัวที่จะสูดอากาศเพราะฉันไม่รู้ว่ามีสารเคมีอะไรปนอยู่บ้าง ฉันเคยไปตกปลาที่รัฐแวนคูเวอร์ บ้านของฉันกับพ่อ จนกระทั่งไม่กี่ปีมานี้ เราเจอปลาที่เต็มไปด้วยโรคมะเร็งนานาชนิด และตอนนี้เราก็ต่างรู้ว่า ทั้งสัตว์และพืชต่างๆกำลังจะสูญพันธุ์อยู่ทุกวัน และกำลังจะสูญหายไปตลอดกาล ทั้งชีวิตของฉันฉันใฝ่ฝันอยากจะเห็นฝูงสัตว์ป่ามหึมา ป่าไม้และป่าดงดิบ ที่เต็มไปด้วยนกและผีเสื้อ แต่ตอนนี้ฉันสงสัยว่า พวกมันจะอยู่ถึงให้รุ่นลูกหลานของฉันได้เห็นหรือไม่?
พวกคุณคยต้องกลุ้มเรื่องพวกนี้ตอนอายุเท่าฉันไหมหล่ะ? ทั้งหมดกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเราเพราะเรากลับทำราวกับว่าเรามีเวลาเหลือเฟือที่จะหาทางแก้ไขได้ทัน
ฉันเป็นแค่เด็ก และฉันก็ไม่มีทางแก้ไขได้ทุกสิ่งหรอก แต่ฉันอยากให้พวกคุณรู้ว่า พวกคุณก็ไม่มีเหมือนกัน พวกคุณไม่รู้วิธีซ่อมช่องโหว่ในชั้นโอโซนเรา พวกคุณไม่รู้วิธีพาปลาแซลมอนออกจากน้ำเน่า พวกคุณไม่รู้วิธีชุบชีวิตสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และพวกคุณไม่สามารถชุบชีวิตผืนป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นทะเลทรายไปแล้ว ถ้าพวกคุณไม่รู้วิธีซ่อมมัน ก็ได้โปรด หยุดทำลายมันเถิด ณ ตอนนี้ คุณคือตัวแทนของรัฐบาลประเทศคุณ นักธุรกิจ ผู้จัดการ นักข่าว นักการเมือง แต่จริงๆแล้วพ่อและแม่คุณ พี่น้องคุณ ลุงป้าน้าอาคุณและพวกคุณทั้งหลายก็คือลูกกันทั้งนั้น ฉันเป็นแค่เด็ก แต่ฉันรู้ว่าเราคือครอบครัวใหญ่ถึง 5พันล้านชีวิต แต่ถ้าที่จริงแล้วมีถึง 30ล้านสายพันธุ์ต่างหาก พรมแดนและรัฐบาลไม่มีทางแบ่งแยกเราได้ ฉันเป็นเพียงแค่เด็ก ที่รู้ว่าเรากำลังเผชิญสิ่งนี้ร่วมกัน และควรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อเป้าหมายเดียว ตอนฉันโกรธฉันก็ยังไม่ตาบอด และตอนฉันกลัวฉันก็ไม่เกรงกลัวที่จะบอกให้โลกรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร ในประเทศของฉัน เราสร้างทางเลือกเยอะเกินไป เราซื้อแล้วก็ทิ้ง ซื้อแล้วก็ทิ้ง และแถมประเทศทางเหนือก็ไม่แบ่งปันให้กับผู้ด้อยโอกาส แม้ว่าเราจะมีมากเกินพอแล้ว เราไม่กล้าที่จะแบ่ง เราไม่กล้าที่จะแบ่งความรวยให้คนอื่นบ้าง ในแคนนาดา เรามีชีวิตที่ครบครัน
เรามีอาหาร น้ำ และที่อยู่อาศัยมากมาย เรามีนาฬิกาข้อมือ จักรยาน คอมพิวเตอร์ และทีวี ไม่กี่วันก็เบื่อ สองวันก่อนที่บราซิลนี่แหละ เราถึงกับต้องช็อคเมื่อเห็นเด็กบางคนต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน และนี่คือสิ่งที่เด็กคนหนึ่งบอกกับฉัน
“หนูหวังว่าหนูจะรวย และถ้าหนูรวยจริง หนูจะให้อาหาร เสื้อผ้า ยา ที่อยู่ ความรักและความห่วงใยให้กับเด็กข้างถนนทั้งหมด”
ถ้าขนาดเด็กข้างถนนที่ไม่มีอะไรเลยยังอยากที่จะแบ่งปัน แล้วทำไมเราผู้ซึ่งมีทุกสิ่งกลับยังโลภกันได้เช่นนี้ ฉันหยุดคิดไม่ได้ ว่านี่คือเด็กวัยเดียวกับฉัน ที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เกิด ซึ่งฉันก็สามารถเป็นเด็กพวกนั้น ที่อาศัยอยู่ที่ ฟาเวลลัส ริโอ ได้เช่นกัน ฉันสามารถเป็นเด็กอดยากที่โซมาเลียได้ หรือเป็นเหยื่อของสงครามที่ตะวันออกกลางก็ได้ หรือขอทานในอินเดีย ฉันเป็นเพียงเด็กที่รู้ว่าเงินทุนสงคราม ควรจะนำมาใช้ตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และจัดหาที่อยู่อาศัย โลกมันจะน่าอยู่ขึ้นมากแค่ไหนคุณนึกดู ที่โรงเรียน แม้แต่อนุบาล คุณสอนให้เราปฏิบัติยังไงต่อโลก คุณสอนให้เราห้ามเล่นกับคนอื่น สอนให้คิด สอนให้เคารพคนอื่น สอนให้เก็บกวาดสิ่งที่ทำ สอนว่าห้ามทำร้ายสิ่งมีชีวิตอื่น ให้แบ่ง อย่างกของ แล้วทำไมคุณถึงทำสิ่งที่คุณห้ามไม่ให้เราทำหล่ะ? จงตระหนักว่าทำไมคุณถึงมาเข้าร่วมประชุมที่นี่ คุณทำไปเพื่อใคร? เราคือลูกหลานของคุณ คุณเป็นคนตัดสินว่าคุณอยากอยู่บนโลกแบบไหนในอนาคต พ่อแม่ควรจะปลอบใจลูกด้วยการพูดว่า
“ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น โลกยังไม่แตกซักหน่อย”  พ่อกับแม่ทำดีที่สุดแล้ว แต่ฉันว่าพวกคุณคงจะพูดอย่างนั้นกับเราไม่ได้แล้วแหละ เด็กอย่างเราเคยสำคัญกับคุณบ้างไหม? พ่อฉันบอกเสมอว่า “ลูกคือสิ่งที่ลูกทำ ไม่ใช่สิ่งที่ลูกพูด”
ก็นะ สิ่งที่พวกคุณทำ ทำให้พวกเขาร้องไห้ทุกกลางคืน คุณออกไปพูดว่าคุณรักเรา แต่ฉันขอท้าคุณเลย ขอเถอะ ช่วยทำอะไรให้สมกับคำพูดหน่อย ขอบคุณ .

( #อยากให้ทุกคนดู #UN #World #by the dipper on socialcam #รักโลก #เตือนสติ 
#สิ่งแวดล้อม #สัตว์ป่า #ธรรมชาติ #โลกในอนาคต #โลกร้อน #คนชั่ว #สงคราม #จิตสำนึก 
#ชั้นโอโซนรั่ว #ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ #อย่ารอให้ถึงวันนั้นวันที่สายเกินไป )

♬.♭.❀●•♪live and learn กมลา

เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ชอบมากๆ ความหมายดี ใช้เตือนสติได้ดีมากๆ 
และก็ยึดเอาเพลงนี้เป็น หลักไว้คอยเตือนใจไว้ ในยามที่ชีวิตขาดที่ปรึกษาและที่พึ่งพิงทางใจ
มาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ 


เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน