เขาได้สั่งให้สองพี่น้อง เอพีมีทีอุส (Epimetheus)แปลว่า"ทำก่อนคิด" (afterthought)
และ โพรมีทีอุส (Prometheus)แปลว่า "คิดก่อนทำ" (forethought)
เอพีมีทีอุส นั้นเอาก้อนดินมาสร้างเป็นสรรพสัตว์มากมายและได้ใส่ความสามารถให้สัตว์ด้วย เช่น ให้ปลาว่ายน้ำได้ สร้างสิงโตให้น่าเกรงขามและเป็นเจ้าป่า สร้างนกให้บินได้ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องปั้นสัตว์ที่ชื่อว่า มนุษย์ เอพีมีทีอุส เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าใส่ความสามารถให้สัตว์ไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรไว้ให้มนุษย์เลย ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
โพรมีทีอุส จึงแก้ปัญหาโดยการหยิบดินมาปั้นมนุษย์โดยมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับพระเจ้าทุกประการ ซึ่งในตอนแรกปั้นแต่มนุษย์ผู้ชายเท่านั้น(รากฐานดั้งเดิมนมนานอันเป็นที่มาของเพศชายรักชาย)
โพรมีทีอุส ได้มอบสมองและความฉลาดให้กับมนุษย์มากกว่าสัตว์อื่นทุกตัว เพื่อชดเชยสิ่งที่ขาด เนื่องจากโพรมีทีอุสเป็นคนปั้นมนุษย์ขึ้นมา เขาจึงได้รู้สึกรักในมนุษย์ยิ่ง เขายอมเข้าข้างและทำผิดเพื่อมนุษย์ (ถ้าใครเคยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวเทพปกรณัมกรีก ก็จะเคยรู้ว่าโพรมีทีอุสนั้นได้ขโมยไฟจากสวรรค์มามอบให้แก่มนุษย์บนโลก เมื่อมีำไฟชีวิตมนุษย์ก็ดีขึ้นมาก เพราะมันช่วยในการประกอบอาหาร ให้ความอบอุ่น ป้องกันสัตว์ร้าย ซึ่งครั้งแรกนำมาจากเทพแห่งดวงอาทิตย์ แต่พอซุสรู้ก็ได้ลงมาดับไฟนั้นจนหมดสิ้น)
โพรมีทีอุส จึงได้ลอบเข้าไปขโมยไฟที่ไม่มีใครดับได้จากโอลิมปัสมามอบให้แก่มนุษย์อีก ซึ่งครั้งนี้ทำให้ซุสโกรธ
ยุคแรกของการสร้างมนุษย์ ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขและสงบไม่ต้องแย่งชิง บนโลกมีแต่ฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนมีศีลธรรม แต่เนื่องจากความสบายจนเกินไป จึงทำให้มนุษย์เริ่มหยิ่งผยอง และไม่เชื่อฟังเทพเจ้า มันทำให้เทพเจ้าโกรธ ซุสต้องการสั่งสอนมนุษย์จึงได้สร้างฤดูกาลขึ้นมา ซึ่งทำให้โลกนั้นเกิดภัยพิบัติ มีหน้าฝน หน้าหนาว ทำให้มนุษย์ต้องดิ้นรน สร้างที่หลบแดดหลบฝนและต้องเริ่มทำงานเพาะปลูกไว้กินเมื่อถึงฤดูที่ไม่มีอะไรให้กิน
โพรมีทีอุสนั้นได้สอนให้มีการบูชาเทพเจ้า (ที่มาของการมีศาสนาในโลก) บูชาด้วยเนื้อสัตว์ที่ล่าหามาได้เพื่อให้เทพเจ้านั้นพอใจ แต่เขาก็คิดว่ามนุษย์เองก็ต้องการอาหาร หากเอาแต่แบ่งเนื้อส่วนที่ดีๆให้เทพไปแล้วมนุษย์จะกินอะไร เขาก็เลยคิดอุบายช่วยเหลือมนุษย์ โดยการบอกว่าเมื่อแล่เนื้อสัตว์แล้วให้แบ่งออกเป็นสองกอง กองแรกให้แยกเนื้อและเอาเครื่องในมาปกคลุมไว้ อีกกองเป็นกระดูกแล้วให้นำเอาไขมันมาปกคลุมไว้ให้สวยงาม (ที่มาของคำว่าข้างนอกสดใสข้างในตะติ๊งโหน่ง55) แล้วนำทั้งสองกองนั้นไปให้ซุสเลือกว่าต้องการเครื่องสักการะกองไหน
ซุสเห็นก็แน่นอนว่าต้องเลือกเอากองที่มีไขมันเพราะคิดว่าต้องมีเนื้ออยู่ด้านใน แต่พอรู้ว่ามันมีแต่กระดูกอยู่ข้างในมันจึงทำให้ซุสโกรธเป็นที่สุด จากนั้นเป็นต้นมาชาวกรีกโบราณ (ชาวยุโรปปัจจุบันและคิดว่าน่าจะเป็นบรรพบุรุษของกลุ่มคนชนชาติยิวหรือฮิบรูให้อดีต) จึงได้เก็บเนื้อไว้กินเองแล้วเผากระดูกกับไขมันบูชาต่อเทพเจ้า
(คิดว่าคนไทยส่วนมากน่าจะพอได้รู้จักกับตำนานชื่อนัี้นะ)
ซึ่งนั่นมันก็ยังไม่ทำให้ซุสสาแก่ใจ ซุสจึงได้สีั่งให้เหล่าเทพช่วยกันสร้างมนุษย์เพศหญิงขึ้นมา
เทพฮีพีสทัส(Hephaestus) หรือ วัลแคน(Vulcan) เป็นผู้ปั้น โดยปั้นให้เหมือนกับเทพผู้หญิง
เทพีอโฟรไดท์(Aphrodite)หรือวีนัส(Venus)เป็นตัวแทนของความงามและสเน่ห์
เอเธนน่า(Athena)เป็นตัวแทนของความเฉลียวฉลาด
เฮอร์เมส(Hermes)เป็นตัวแทนของความมีชีวิตชีวา
และซุสก็ได้สร้าง แพนดอร่า(Pandora)และได้ใส่เอาความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปในตัวของผู้หญิงทุกคนนั่นเอง
ซุสได้มอบกล่องใบหนึ่งให้แก่ แพนดอร่า และกำชับไว้ว่าห้ามเปิดมันเด็ดขาด จากนั้นก็ให้เทพ เฮอเมส นำหญิงงามคนนี้ไปให้เป็นภรรยาของ เอพีมีทีอุส ซึ่ง โพรมีทีอุส เคยเตือนไว้แล้วว่าถ้าซุสให้ของอะไรมาห้ามรับ แต่ด้วยความงามของแพนดอร่าทำให้ เอพีมีทีอุส หลงลืมคำเตือนนั้นไปโดยสิ้นเชิง เอพีมีทีอุส นั้นได้ครองคู่กับ แพนดอร่า และก็ให้กำเนิดมนุษย์หญิงชายมากมาย เป็นการสืบเผ่าพันธุ์ของมนุษย์มาเรื่อยๆ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่ง แพนดอร่า เกิดสงสัยว่าสิ่งใดกันที่เทพมอบให้อยู่ในกล่องนั้น แต่ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และมันก็เป็นแผนการของซุสที่วางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และแล้วเธอก็ได้เปิดกล่องนั้นออก ในที่สุดสิ่งที่ซ่อนไว้อยู่ข้างในก็ปรากฎขึ้น นั่นก็คือความชั่วร้ายทั้งปวง ที่โพยพุ่งออกมาสู่โลกมนุษย์ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ความโลภโกรธหลง ความเครียดแค่้นพยาบาท และความตาย แพนดอร่าตกใจมากเธอจึงรีบปิดกล่องนั้นเสีย จึงทำให้ความชั่วร้ายสุดท้ายยังไม่ได้ออกมานั่นก็คือ ความสิ้นหวัง ดังนั้นทุกชีวิตบนโลกนี้ แม้ว่าจะต้องเจอกับปัญหาหรือสิ่งที่เลวร้ายมากแค่ไหน มนุษย์ก็จะยังมีความหวังอยู่ เพราะมันยังไม่ได้หลุดออกมาจากกล่องนั่นเอง
ซึ่งหลังจากนั้นความชั่วร้ายก็ได้เข้าครอบงำจิตใจมนุษย์มากยิ่งขึ้น(ที่มาของเรือโนอาร์) แผ่นดินต่างก็จมลงใต้น้ำคงเหลือแต่ที่เขาพันนาซัสซึ่งเป็นเขาที่สูงที่สุดในกรีซที่เดียวที่รอดจากการจมน้ำ
จนกระทั่งร้อนถึงเทพต้องมาประชุมกันเพื่อหาทางออก ที่จริงมันก็เป็นผลการกระทำของเหล่าพวกเทพเองที่ย้อนกลับมาหาพวกเขา พวกเขาลงความเห็นว่าถึงคราวที่จะต้องล้างโลกใบนี้ซะที ปัดกวาดให้สะอาดด้วยการทำลายเหล่ามนุษย์ให้หมดไป จึงได้สั่งให้น้ำท่วมโลก
ซึ่งมีมนุษย์เพียงสองคนเท่านั้นที่หนีขึ้นไปอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ เป็นสองสามีภรรยาที่ชื่อ แคเรี่ยน และ ไพร่า ซึ่งสามีนั้นเป็นลูกของ โพรมีทีอุส ส่วนภรรยานั้นเป็นลูกของ เอพีมีทีอุส กับ แพนดอร่า ซุสได้แลเห็นว่ามนุษย์ได้ตายไปจนหมดแล้วเหลือเพียงสามีภรรยาคู่นี้ที่เป็นคนดีมีศีลธรรมซุสจึงได้ทำให้น้ำเลิกท่วมโลก สองสามีภรรยาจึงรอดชีวิตมาได้ สองสามีภรรยาจึงคิดว่า ช่างน่าเศร้าเหลือเกินที่โลกกว้างใหญ่ แต่กลับมาเราแค่เพียงสองคน จึงได้ขึ้นไปสักการะที่วิหารเดลฟี่ เทพจึงให้ความช่วยเหลือโดยบอกให้พวกเขาเอาหินโยนไปข้างหลัง ซึ่งเมื่อทำแล้วก้อนหินจึงแตกกระจายออกมากลายเป็นเด็กมนุษย์ชายหญิงและหลังจากนั้น มนุษย์ก็ออกลูกออกหลานสืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้....
(ขอบคุณที่มา>> http://www.tumnandd.com/category/ youtube)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น